AWS CloudFront คืออะไร? นักพัฒนาแอปพลิเคชันต้องรู้!

ในปัจจุบันนี้ เว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เปรียบเสมือนหน้าร้าน และยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรือธุรกิจ ดังนั้น การพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้สามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมแสดงผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วชัดเจน ก็จะช่วยตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งหากจะกล่าวว่าการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ใช้ที่มีต่อแบรนด์โดยตรงก็คงไม่ผิดนัก   

เพื่อให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมา สามารถสร้างความรู้สึกในเชิงบวกให้กับธุรกิจมากที่สุด นักพัฒนาเว็บไซต์จำเป็นจะต้องรู้จักกับเครื่องมืออย่าง AWS CloudFront ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การแสดงเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมีความรวดเร็ว พร้อมให้ประสิทธิภาพด้านการใช้งาน สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่อยากรู้เพิ่มเติมว่า AWS CloudFront คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? รวมถึงทำไมควรเลือกใช้เครื่องมือชนิดนี้ บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว 

AWS CloudFront คืออะไร? เป็นหนึ่งในเครื่องมือของ Amazon Web Services

AWS CloudFront คืออะไร?

AWS CloudFront หรือ Amazon CloudFront คือหนึ่งในบริการของ Amazon Web Services ซึ่ง เป็นบริการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา หรือ Content Delivery Network (CDN) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการเผยแพร่และนำเสนอเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันทั้งเนื้อหาแบบ Static หรือ Dynamic ให้มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ .html, .css, .js หรือไฟล์รูปภาพ รวมถึงทำให้การเผยแพร่เนื้อหามีความปลอดภัย และสะดวกแก่นักพัฒนาที่สุด 

การทำงานของ AWS CloudFront

การทำงานของ AWS CloudFront คือการนำเสนอเนื้อหาไม่ว่าจะจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ผ่านเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลก ที่เรียกว่า Edge Location โดยเมื่อผู้ใช้ร้องขอหรือเรียกดูเนื้อหาที่คุณให้บริการบนเว็บไซต์นั้น ๆ ผ่านการใช้งาน CloudFront คำขอเหล่านั้นจะถูกส่งไปยัง Edge Location ที่มีการหน่วงเวลาที่ต่ำที่สุด เพื่อให้เนื้อหาเหล่านั้นถูกเผยแพร่และนำเสนอได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าที่จะเป็นไปได้

ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้

  1. ทำการกำหนด Origin Servers หรือแหล่งข้อมูลต้นทาง เช่น Amazon S3 bucket, Amazon EC2 instance, หรือเซิร์ฟเวอร์ HTTP เพื่อให้ CloudFront สามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้ และกระจายข้อมูลไปยัง Edge Locations ต่าง ๆ ทั่วโลก
  2. จากนั้นระบบจะทำการอัปโหลดไฟล์ของคุณลงใน Origin Servers โดยไฟล์ที่อัปโหลดลงไปอาจเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือในรูปแบบอื่น ๆ ที่ถูกเรียกว่า Objects
  3. จากนั้นจะเป็นการสร้าง CloudFront Distribution ซึ่งคุณสามารถกำหนดว่าจะให้ CloudFront เรียกข้อมูลจาก Origin Servers ใด หากมีผู้ใช้เรียกดูไฟล์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ในขณะเดียวกันคุณยังสามารถกำหนดได้อีกว่าจะให้ CloudFront ทำการบันทึกคำร้องต่าง ๆ หรือให้ทำการกระจายข้อมูลในทันที
  4. จากนั้นทาง CloudFront จะสร้าง Domain Name ให้กับการกระจายข้อมูลใหม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ CloudFront Console
  5. ส่วนในขั้นตอนสุดท้าย CloudFront จะส่งการกำหนด Distribution ของคุณไปยัง Edge Location ต่าง ๆ ที่มีการคัดลอกข้อมูลเก็บเอาไว้ เพื่อนำไปใช้ในการกระจายข้อมูลเมื่อมีผู้ใช้เรียกดูต่อไป  

ประโยชน์ของ AWS CloudFront

ความเร็วในการโหลดเนื้อหา

เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานต้องรอเนื้อหาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดความไม่พึงพอใจได้ การเลือกใช้ AWS CloudFront คือวิธีที่จะช่วยปรับปรุงเวลาในการแสดงเนื้อหาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการจัดเก็บเนื้อหาไว้ในจุดที่ใกล้กับผู้ใช้ตาม Edge Location ต่าง ๆ และเลือกดึงเนื้อหาเหล่านั้นจาก Edge Location ที่ใช้ ทำให้สามารถนำเสนอเนื้อหาเพียงไม่กี่วินาที 

การรักษาความปลอดภัยหลากรูปแบบ

เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาของคุณจะปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ AWS CloudFront มีการรักษาความปลอดภัยหลากหลายรูปแบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี ด้วยการทำงานร่วมกันของ Amazon CloudFront, AWS Shield, AWS Web Application Firewall (WAF) และ Amazon Route 53 เพื่อสร้างขอบเขตความปลอดภัยในรูปแบบเลเยอร์ และป้องกันการโจมตีได้หลายประเภท รวมถึงการโจมตี DDoS ในเลเยอร์ของแอปพลิเคชันและเครือข่าย นอกจากนั้น ยังมีการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง การรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส SSL/TLS และ HTTPS รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐาน PCI-DSS Level 1, HIPAA, และ ISO 9001, ISO/IEC 27001:2013, 27017:2015, 27018:2019, SOC (1, 2 และ 3), FedRAMP Moderate และอีกมากมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด 

ความง่ายและสะดวกในการใช้งาน

AWS CloudFront เป็นบริการที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ทำให้การทำงานของนักพัฒนานั้นสะดวกและรวดเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับขนาดได้เป็นอย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานและปรับขนาด AWS CloudFront เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้ตามต้องการ

CloudFront คือเครื่องมือช่วยแสดงผลเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ทำไมต้องเลือกใช้ AWS CloudFront?

ความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือของ AWS CloudFront คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ AWS CloudFront ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องมือที่ให้บริการโดย Amazon Web Services ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชุดเครื่องมือที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายและจุดของเครือข่าย (Point-of-Presence: PoP) อยู่ทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าเนื้อหาของคุณจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ไม่ว่าผู้ใช้ของคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม 

สะดวกทุกที่ พร้อมใช้งานเสมอ

CloudFront สามารถใช้งานได้ในทุก ๆ สถานการณ์ ด้วยการดึงเนื้อหาที่ถูกเก็บไว้ใน Edge Location มาใช้ และทำการ Cache ข้อมูลในระดับ Region เท่านั้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูลจากต้นทางทุกครั้ง ช่วยลดโหลดงานของต้นทางได้ อีกทั้งยังมีการเปิดใช้งานการสำรองต้นทางแบบซ้ำซ้อน จึงมีการสำรองข้อมูลไว้อย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถแสดงข้อมูลนั้น ๆ ได้แม้ว่าต้นทางหลักจะไม่สามารถใช้งานได้ก็ตาม 

ความสามารถในการปรับขนาด

CloudFront สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในการดำเนินการขนาดใหญ่และมีความไวต่อเวลาแฝง นอกจากนั้นยังสามารถปรับขนาดได้ทันทีเมื่อการใช้งานสูงกว่าปกติ

ความปลอดภัยสูง

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า CloudFront มีการรักษาความปลอดภัยในหลากหลายระดับขั้น จึงมั่นใจได้ว่าเนื้อหาต่าง ๆ ของธุรกิจคุณจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยจากภัยทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ ให้คุณหมดห่วงเรื่องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของธุรกิจต่าง ๆ ไปได้เลย

สามารถจัดการได้ง่าย

AWS CloudFront สามารถใช้งานผ่านทางอินเตอร์เฟสผู้ใช้ของ Amazon Web Services (AWS) ได้ ผู้พัฒนาจึงสามารถปรับแต่งการทำงานของ AWS CloudFront ได้อย่างอิสระตามความต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด

มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า

นอกจากนี้ การเลือกใช้งาน AWS CloudFront ยังให้ความคุ้มค่าในด้านค่าใช้จ่าย ด้วยรูปแบบ pay-as-you-go ซึ่งเป็นการเก็บค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริง โดยคิดเงินใน 2 ส่วนหลักคือ การถ่ายโอนข้อมูลออก (Outgoing Traffic) และคำขอ (Requests) ทำให้คุณจ่ายเงินเท่าที่มีการใช้งานจริงเท่านั้น เมื่อใช้น้อย ก็จ่ายน้อย ไม่จำเป็นต้องแบกรับค่าใช้จ่ายรายเดือน หรือรายปีหากไม่ได้ใช้งาน   

หากสนใจใช้งาน AWS CloudFront ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือจาก Amazon Web Services เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้สามารถเผยแพร่ พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเลือกใช้บริการ AWS จากพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทยอย่าง Cloud HM ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบโซลูชันจากเครื่องมือของ AWS ให้เหมาะกับการใช้งานขององค์กรได้อย่างลงตัวในทุก ๆ ขั้นตอน

— Cloud HM