ในปัจจุบันนี้ เว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เปรียบเสมือนหน้าร้าน และยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรือธุรกิจ ดังนั้น การพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้สามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมแสดงผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วชัดเจน ก็จะช่วยตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งหากจะกล่าวว่าการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ใช้ที่มีต่อแบรนด์โดยตรงก็คงไม่ผิดนัก
เพื่อให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมา สามารถสร้างความรู้สึกในเชิงบวกให้กับธุรกิจมากที่สุด นักพัฒนาเว็บไซต์จำเป็นจะต้องรู้จักกับเครื่องมืออย่าง AWS CloudFront ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การแสดงเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมีความรวดเร็ว พร้อมให้ประสิทธิภาพด้านการใช้งาน สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่อยากรู้เพิ่มเติมว่า AWS CloudFront คืออะไร? และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? รวมถึงทำไมควรเลือกใช้เครื่องมือชนิดนี้ บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว
![AWS CloudFront คืออะไร? เป็นหนึ่งในเครื่องมือของ Amazon Web Services](https://blog.cloudhm.co.th/wp-content/uploads/2023/10/shutterstock_557364895-1-min.jpg)
AWS CloudFront คืออะไร?
AWS CloudFront หรือ Amazon CloudFront คือหนึ่งในบริการของ Amazon Web Services ซึ่ง เป็นบริการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา หรือ Content Delivery Network (CDN) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการเผยแพร่และนำเสนอเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันทั้งเนื้อหาแบบ Static หรือ Dynamic ให้มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ .html, .css, .js หรือไฟล์รูปภาพ รวมถึงทำให้การเผยแพร่เนื้อหามีความปลอดภัย และสะดวกแก่นักพัฒนาที่สุด
การทำงานของ AWS CloudFront
การทำงานของ AWS CloudFront คือการนำเสนอเนื้อหาไม่ว่าจะจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ผ่านเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลก ที่เรียกว่า Edge Location โดยเมื่อผู้ใช้ร้องขอหรือเรียกดูเนื้อหาที่คุณให้บริการบนเว็บไซต์นั้น ๆ ผ่านการใช้งาน CloudFront คำขอเหล่านั้นจะถูกส่งไปยัง Edge Location ที่มีการหน่วงเวลาที่ต่ำที่สุด เพื่อให้เนื้อหาเหล่านั้นถูกเผยแพร่และนำเสนอได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าที่จะเป็นไปได้
ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
- ทำการกำหนด Origin Servers หรือแหล่งข้อมูลต้นทาง เช่น Amazon S3 bucket, Amazon EC2 instance, หรือเซิร์ฟเวอร์ HTTP เพื่อให้ CloudFront สามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้ และกระจายข้อมูลไปยัง Edge Locations ต่าง ๆ ทั่วโลก
- จากนั้นระบบจะทำการอัปโหลดไฟล์ของคุณลงใน Origin Servers โดยไฟล์ที่อัปโหลดลงไปอาจเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือในรูปแบบอื่น ๆ ที่ถูกเรียกว่า Objects
- จากนั้นจะเป็นการสร้าง CloudFront Distribution ซึ่งคุณสามารถกำหนดว่าจะให้ CloudFront เรียกข้อมูลจาก Origin Servers ใด หากมีผู้ใช้เรียกดูไฟล์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ในขณะเดียวกันคุณยังสามารถกำหนดได้อีกว่าจะให้ CloudFront ทำการบันทึกคำร้องต่าง ๆ หรือให้ทำการกระจายข้อมูลในทันที
- จากนั้นทาง CloudFront จะสร้าง Domain Name ให้กับการกระจายข้อมูลใหม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ CloudFront Console
- ส่วนในขั้นตอนสุดท้าย CloudFront จะส่งการกำหนด Distribution ของคุณไปยัง Edge Location ต่าง ๆ ที่มีการคัดลอกข้อมูลเก็บเอาไว้ เพื่อนำไปใช้ในการกระจายข้อมูลเมื่อมีผู้ใช้เรียกดูต่อไป
ประโยชน์ของ AWS CloudFront
ความเร็วในการโหลดเนื้อหา
เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานต้องรอเนื้อหาเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดความไม่พึงพอใจได้ การเลือกใช้ AWS CloudFront คือวิธีที่จะช่วยปรับปรุงเวลาในการแสดงเนื้อหาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการจัดเก็บเนื้อหาไว้ในจุดที่ใกล้กับผู้ใช้ตาม Edge Location ต่าง ๆ และเลือกดึงเนื้อหาเหล่านั้นจาก Edge Location ที่ใช้ ทำให้สามารถนำเสนอเนื้อหาเพียงไม่กี่วินาที
การรักษาความปลอดภัยหลากรูปแบบ
เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาของคุณจะปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ AWS CloudFront มีการรักษาความปลอดภัยหลากหลายรูปแบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี ด้วยการทำงานร่วมกันของ Amazon CloudFront, AWS Shield, AWS Web Application Firewall (WAF) และ Amazon Route 53 เพื่อสร้างขอบเขตความปลอดภัยในรูปแบบเลเยอร์ และป้องกันการโจมตีได้หลายประเภท รวมถึงการโจมตี DDoS ในเลเยอร์ของแอปพลิเคชันและเครือข่าย นอกจากนั้น ยังมีการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง การรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส SSL/TLS และ HTTPS รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐาน PCI-DSS Level 1, HIPAA, และ ISO 9001, ISO/IEC 27001:2013, 27017:2015, 27018:2019, SOC (1, 2 และ 3), FedRAMP Moderate และอีกมากมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ความง่ายและสะดวกในการใช้งาน
AWS CloudFront เป็นบริการที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ทำให้การทำงานของนักพัฒนานั้นสะดวกและรวดเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับขนาดได้เป็นอย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานและปรับขนาด AWS CloudFront เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้ตามต้องการ
![CloudFront คือเครื่องมือช่วยแสดงผลเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน](https://blog.cloudhm.co.th/wp-content/uploads/2023/10/shutterstock_1489195400-min.jpg)
ทำไมต้องเลือกใช้ AWS CloudFront?
ความน่าเชื่อถือ
ความน่าเชื่อถือของ AWS CloudFront คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ AWS CloudFront ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องมือที่ให้บริการโดย Amazon Web Services ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชุดเครื่องมือที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายและจุดของเครือข่าย (Point-of-Presence: PoP) อยู่ทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าเนื้อหาของคุณจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ไม่ว่าผู้ใช้ของคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
สะดวกทุกที่ พร้อมใช้งานเสมอ
CloudFront สามารถใช้งานได้ในทุก ๆ สถานการณ์ ด้วยการดึงเนื้อหาที่ถูกเก็บไว้ใน Edge Location มาใช้ และทำการ Cache ข้อมูลในระดับ Region เท่านั้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูลจากต้นทางทุกครั้ง ช่วยลดโหลดงานของต้นทางได้ อีกทั้งยังมีการเปิดใช้งานการสำรองต้นทางแบบซ้ำซ้อน จึงมีการสำรองข้อมูลไว้อย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถแสดงข้อมูลนั้น ๆ ได้แม้ว่าต้นทางหลักจะไม่สามารถใช้งานได้ก็ตาม
ความสามารถในการปรับขนาด
CloudFront สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในการดำเนินการขนาดใหญ่และมีความไวต่อเวลาแฝง นอกจากนั้นยังสามารถปรับขนาดได้ทันทีเมื่อการใช้งานสูงกว่าปกติ
ความปลอดภัยสูง
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า CloudFront มีการรักษาความปลอดภัยในหลากหลายระดับขั้น จึงมั่นใจได้ว่าเนื้อหาต่าง ๆ ของธุรกิจคุณจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยจากภัยทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ ให้คุณหมดห่วงเรื่องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของธุรกิจต่าง ๆ ไปได้เลย
สามารถจัดการได้ง่าย
AWS CloudFront สามารถใช้งานผ่านทางอินเตอร์เฟสผู้ใช้ของ Amazon Web Services (AWS) ได้ ผู้พัฒนาจึงสามารถปรับแต่งการทำงานของ AWS CloudFront ได้อย่างอิสระตามความต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด
มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า
นอกจากนี้ การเลือกใช้งาน AWS CloudFront ยังให้ความคุ้มค่าในด้านค่าใช้จ่าย ด้วยรูปแบบ pay-as-you-go ซึ่งเป็นการเก็บค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริง โดยคิดเงินใน 2 ส่วนหลักคือ การถ่ายโอนข้อมูลออก (Outgoing Traffic) และคำขอ (Requests) ทำให้คุณจ่ายเงินเท่าที่มีการใช้งานจริงเท่านั้น เมื่อใช้น้อย ก็จ่ายน้อย ไม่จำเป็นต้องแบกรับค่าใช้จ่ายรายเดือน หรือรายปีหากไม่ได้ใช้งาน
หากสนใจใช้งาน AWS CloudFront ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือจาก Amazon Web Services เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้สามารถเผยแพร่ พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเลือกใช้บริการ AWS จากพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทยอย่าง Cloud HM ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบโซลูชันจากเครื่องมือของ AWS ให้เหมาะกับการใช้งานขององค์กรได้อย่างลงตัวในทุก ๆ ขั้นตอน
— Cloud HM