ทำไม Apple ถึงเป็นบริษัท Tech ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

1,550
1,550

อย่างที่เราทราบกันดีว่าทุกวันนี้มีบริษัท Tech ระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Google, Amazon, Tesla, Apple, Twitter, TikTok หรือ Facebook ก็ตาม วันนี้เรานำข้อมูลเกี่ยวกับ 5 บริษัท Tech ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกมาฝากตามรูปด้านล่าง โดยบริษัทที่นำขึ้นเป็นอันดับ 1 ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือ Apple นั่นเอง ผู้ที่ได้ชื่อว่าสร้างสิ่งที่ปฏิวัติวงการมือถือในยุค 2000 เลยทีเดียวค่ะ แล้วอะไรที่ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จจนมีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาบริษัท Tech ด้วยกัน วันนี้เรามาดูคำตอบที่น่าจะเป็นเหตุผลที่ส่งผลให้ Apple มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกกันค่ะ

จุดเริ่มต้นของ Apple เกิดขึ้นที่โรงรถเล็ก ๆ ในปี 1976 โดยมีผู้ก่อตั้งทั้งหมด 3 คน รวมถึง Steve Jobs ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Apple อย่างมากมาย ซึ่งในช่วงแรกนั้นพวกเขาเน้นขาย OS หรือระบบปฏิบัติการมากกว่าผลิตภัณฑ์จำพวกไมโครคอมพิวเตอร์ เพราะยังทำงานสู้กับเจ้าตลาดได้ไม่ดีนัก แต่หลังจากนั้นก็สามารถเติบโตขึ้นมายืนแถวหน้าของวงการ Tech ได้อย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเหตุผลที่สามารถทำให้ Apple มาถึงจุดนี้ได้ ทางผู้เขียนมองว่ามีดังต่อไปนี้

  1. Innovation นวัตกรรมที่โดดเด่น
    • ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือทุกวันนี้ ผู้บุกเบิกคือ Apple หรือเรียกว่าได้แม้แต่ในปี 2021 นี้เอง ต่างก็ยังได้รับอิทธิพลทางด้านลูกเล่น และ Design มาจาก iPhone อยู่ ย้อนกลับไปในปี 2007 หากใครเกิดทันน่าจะเคยเห็น Video ที่ทาง Steve Jobs ได้พูดถึง iPhone เป็นครั้งแรก (ดูที่นี่) จะเห็นว่าผู้คนต่างรู้สึก Wow กับการมีโทรศัพท์แบบ Touchscreen เป็นครั้งแรกอย่างมาก ซึ่งในยุคนั้นต้องยอมรับเลยว่า Apple เป็นเจ้าแรกที่ทำออกมา และครองตลาดได้โดยทันที ทำให้ปัจจุบันถึงแม้จะมีคู่แข่งที่มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปค่อนข้างมาก แต่ Apple ก็ยังครองฐานแฟน ๆ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนทางด้านไมโครคอมพิวเตอร์ หรือ Chip อย่าง M1 ในปัจจุบันก็สามารถเทียบกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในตลาดได้เป็นที่เรีบยบร้อยแล้ว

  2. Quality คุณภาพของสินค้า
    • นอกจากนวัตกรรมที่โดดเด่น สร้างความแตกต่างให้กับ Apple แล้ว ในส่วนของคุณภาพสินค้า (ขอยกเว้นหูฟังและสายชาร์จนะคะ 555) ก็ต้องยอมรับว่าดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Hardware หรือว่า Hardware Architecture ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนทำให้สินค้า Apple ที่ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง กลับมีผู้คนมากมายยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับคุณภาพของสินค้า

  3. Customer Experience ประสบการณ์การใช้งานสินค้า
    • ที่ขาดไม่ได้คือในส่วนของ UX/UI ที่ช่วยทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานสินค้าของ Apple ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเป็นอย่างสูง ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Airdrop ที่ Apple เป็นผู้บุกเบิกการใช้งานออกมา สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมากในการรส่ง/แชร์ไฟล์ รูปภาพ หรือ วิดีโอต่าง ๆ ให้แก่ผู้อื่นได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที (ในภายหลัง Google ได้ออก Nearby Share ออกมา พูดง่าย ๆ คือ Airdrop ใน version Android นั่นเอง) หรือจะเป็นการ Sync ข้อมูลทุกอย่างในทุก Device ของเราที่มีการใช้งาน Apple ID เดียวกัน ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายต่อการทำงานของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่า Apple ได้มีการออกแบบ Customer Experience ที่ดี และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริง ๆ

  4. Branding เอกลักษณ์ที่แตกต่าง
    • สุดท้ายนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Branding ของ Apple เอง ที่มีความโดดเด่น และแตกต่างจากผู้อื่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Design ของโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เรียกได้ว่าทุกอย่างมี Brand Identity ที่ชัดเจนมาก มีความเรียบง่าย ทำให้ตอบโจทย์คนยุคนี้ที่โดยส่วนมากจะนิยมเน้นสินค้า Minimal ไม่ต้องเยอะ น้อยแต่มาก หรือ Less is More นั่นเอง

จากเหตุผลต่าง ๆ ในบทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลตามความเห็นของผู้เขียนมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน หากมีข้อแนะนำหรือ Comment ต่าง ๆ สามารถเม้นเพื่อพูดคุยกันได้นะคะ หรือหากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ใน ณ ที่นี่ด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณค่ะ

— Cloud HM