เปรียบเทียบระบบความปลอดภัย: PAM, HSM และ Vault เลือกโซลูชันที่ใช่สำหรับคุณ

ในยุคดิจิทัลข้อมูลกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนองค์กร เป็นเหมือนนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จ แต่การปกป้องข้อมูลที่สำคัญเหล่านี้กลับเป็นอีกเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยภัยคุมคามทางไซเบอร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ การขโมยข้อมูล การละเมิดข้อมูล และสาเหตุหลักที่เราจำเป็นจะต้องลงทุนหาโซลูชั่นดีๆ ที่มาปกป้องข้อมูลเหล่านี้ เพราะข้อมูลเปรียบเหมือน DNA ขององค์กรที่เราได้บันทึกทุกแง่มุมของธุรกิจ ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลทางการเงิน จนไปถึงกลยุทธ์ลับต่าง ๆ แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้มูลค่าของมันมหาศาลมาก หากตกไปอยู่ในมือผู้ที่ไม่หวังดี คู่แข่ง หรือถูกปล่อยสู่สาธารณะ นั่นอาจจะสร้างความเสียหายมหาศาลต่อองค์กร ทั้งในด้านการเงิน ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือได้

ปกป้องข้อมูลลับขององค์กรให้ปลอดภัยด้วย Vault 🔐

Vault หากแปลตรงๆ ตัวมันคือห้องนิรภัย ให้ลองนึกภาพว่าในธนาคารจะมีตู้เซฟหรือห้องนิรภัยที่เอาไว้เก็บของมีค่าเช่น เงิน ทอง และอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยจากการโดนปล้น โดนขโมย ในโลกของเทคโนโลยีก็เช่นกันแต่แค่เปลี่ยนของมีค่ามาเป็น “ข้อมูล” ที่ล้ำค่าพอๆ กันให้ปลอดภัย โดย Vault ที่เราจะพูดถึงนี้จะเป็นเหมือนห้องนิรภัยแบบเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบคลาวด์หรือฮาร์ดแวร์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ สำหรับเก็บข้อมูล โดย Vault จะเก็บข้อมูลและทำการเข้ารหัสข้อมูลไว้ด้วยวิธีที่ซับซ้อนและหลายชั้น

Vault มีวิธีในการปกป้องข้อมูลยังไง?

โดยใน Vault ส่วนใหญ่จะทำการเข้ารหัสข้อมูลด้วยอัลกอริทึมที่ซับซ้อน แม้แฮกเกอร์จะได้ข้อมูลไปจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถอ่านหรือทำอะไรกับข้อมูลนั้นได้ แต่การที่จะแฮกข้อมูลไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Vault จะมีการควบคุมการเข้าถึงอย่างเข้มงวด เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ แถมยังถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ประเภทต่างๆ เช่น การโจมตีแบบ Brute-force attack หรือ การโจมตีแบบ Phishing อีกด้วย

Vault เหมาะกับใคร?

Vault เหมาะกับองค์กรทุกประเภทที่ต้องการปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับ โดยเฉพาะองค์กรที่มีข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเงิน ข้อมูลทางการแพทย์ ฯลฯ

ข้อดีของการใช้ Vault

  • ปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร
  • มีการจัดการแบบรวมศูนย์ ช่วยให้จัดการข้อมูลลับทั้งหมดจากที่เดียว
  • มีการ log การเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด ช่วยให้ตรวจสอบและติดตามการเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้
  • มีความยืดหยุ่น รองรับแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทำงานได้ทั้งแบบ On-premise และ Cloud-based
  • ต่อกับระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยให้ใช้งานได้ง่าย

โซลูชันยอดนิยมสำหรับการใช้ Vault แต่ละแบบ

Vault มีหลายรุ่น หลายแบบ หลายผู้ให้บริกการให้เลือกใช้งานที่หลากหลายซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำเปรียบเทียบ 3 ตัวยอดฮิตอย่าง Privileged Access Management (PAM), Hardware Security Module (HSM) และ Vault (Server) ที่จะมายกระดับความปลอดภัยให้กับข้อมูลกัน 

PAM (Privileged Access Management) คืออะไร? 

มากันที่ตัวแรก PAM (Privileged Access Management) เป็นโซลูชั่นที่ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญสูง เช่น ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลประจำตัว โดย PAM ฮาร์ดแวร์เป็นอุปกรณ์ที่แยกต่างหากสำหรับจัดเก็บและจัดการข้อมูลลับ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมข้อมูลจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต การโจมตีทางไซเบอร์ และภัยคุกคามต่างๆ 

ประโยชน์ของ PAM ฮาร์ดแวร์

โดยการใช้ PAM ฮาร์ดแวร์จะแยกข้อมูลลับออกจากระบบเครือข่ายทั่วไป ทำให้ยากต่อการโจมตี ช่วยให้ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียด ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ช่วยลดความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูล ง่ายต่อการติดตาม และตรวจสอบการเข้าถึงที่ผิดปกติได้

การเริ่มใช้งาน PAM ฮาร์ดแวร์ในองค์กร

หากเราต้องการใช้ PAM ฮาร์ดแวร์ เราจะต้องพิจารณา เลือกโซลูชัน PAM โดยจะมีฮาร์ดแวร์หลายประเภทให้เลือก ควรเปรียบเทียบฟีเจอร์ ราคา  และความเข้ากันได้ของโซลูชันต่างๆ  ก่อนตัดสินใจเลือก เมื่อฮาร์ดแวร์มาแล้วจะต้องวางแผนการใช้งาน PAM ฮาร์ดแวร์อย่างละเอียด  แผนควรครอบคลุมถึงการติดตั้ง  การกำหนดค่าซึ่งส่วนนี้จะมีความละเอียด เช่น สร้างนโยบาย  กำหนดสิทธิ์ผู้ใช้  และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เป้าหมาย การทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานอย่างถูกต้อง และการฝึกอบรมผู้ใช้เกี่ยวกับวิธีใช้ PAM ฮาร์ดแวร์ รวมไปถึงตรวจสอบและบำรุงรักษา PAM ฮาร์ดแวร์เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานอย่างถูกต้อง

รู้จักกับ HSM (Hardware Security Module)

HSM เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่สำคัญ เช่น Secret Key, Digital Certificate และข้อมูลไบโอเมตริกส์ โดย HSM จะทำงานแยกต่างหากจากระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป ทำให้ข้อมูลที่ถูกเก็บใน HSM ได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ การโจมตีทางไซเบอร์ และภัยคุกคามต่างๆ 

HSM ทำงานอย่างไร?


HSM ทำงานโดยใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงและการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพเพื่อปกป้องข้อมูลลับ ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะถูกเก็บไว้ใน HSM และถอดรหัสเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น HSM ยังมีคุณสมบัติความปลอดภัยทางกายภาพ เช่น ชิปป้องกันการบุกรุก และโมดูล tamper-proof ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

แล้ว HSM ต่างจาก PAM ยังไง?

จากที่อ่านมาเราจะเห็นได้ว่า HSM (Hardware Security Module) และ PAM (Privileged Access Management) เป็นทั้งสองเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยของข้อมูลที่สำคัญต่อองค์กร แต่ทั้งสองแบบมีวัตถุประสงค์และวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน

HSM จะเน้นไปที่การปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับโดยตรง โดยใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงและการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ (ปกติแล้วอุปกรณ์ HSM จะถูกเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด มีการจำกัดสิทธิ์คนเข้าถึงเครื่อง) เพื่อปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามทางกายภาพ มัลแวร์  และการโจมตีทางไซเบอร์

แต่ PAM จะเน้นไปที่การควบคุมการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษ (Privileged Accounts) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบัญชีเหล่านี้ได้ และการเข้าถึงนั้นถูกตรวจสอบและบันทึกไว้ PAM เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการป้องกันการโจมตีแบบ Privilege Escalation ซึ่งผู้โจมตีพยายามเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษเพื่อขโมยข้อมูลหรือทำลายระบบ

ตัวอย่างการใช้งาน

  • ธนาคารใช้ HSM เพื่อปกป้องข้อมูลบัญชีลูกค้า เช่น รหัสผ่าน และข้อมูลการชำระเงิน
  • โรงพยาบาลใช้ HSM เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ป่วย เช่น ประวัติการรักษา 
  • บริษัทเทคโนโลยีใช้ HSM เพื่อปกป้องคีย์ลับที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล
  • บริษัทใช้ PAM เพื่อควบคุมการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษสำหรับระบบ IT เช่น เซิร์ฟเวอร์ เครือข่าย และแอปพลิเคชัน

Vault Server คืออะไร?

มาถึงตัวสุดท้ายกับ Vault Server โดยตัวนี้เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้บริการจัดการข้อมูลลับ (Secret Management) ช่วยให้คุณจัดเก็บ จัดการ และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลลับเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย ทำงานได้คล้ายกับ PAM และ HSM เลย โดย Vault Server ที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นคือซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจาก HashiCorp ที่เราสามารถสามารถใช้บริการ Vault Server แบบจัดการ (Managed Vault Service) จากผู้ให้บริการคลาวด์ต่างๆ ได้

วิธีใช้งาน Vault Server

Vault Server สามารถใช้งานได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการ โดยเราสามารถติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ บน VM หรือใช้งานผ่านผู้ให้บริการคลาวด์หลายราย เช่น AWS และ Azure ที่มีบริการ Vault Server ก็จะช่วยให้สามารถใช้งาน Vault Server โดยไม่ต้องติดตั้งและดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง แต่หากคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่มากๆ ผมแนะนำ Vault Enterprise ที่มีฟีเจอร์พวกการตรวจสอบขั้นสูง ที่ทีม Support และรองรับการเอาไปต่อกับแอปอื่นๆ ได้ง่าย

เมื่อติดตั้งเสร็จก็จะมากำหนดค่า Vault Server ด้วยการตั้งค่าการเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง และการตรวจสอบต่างๆ แล้วจึงทำการ นำข้อมูลที่่เป็นความลับ เช่น รหัสผ่าน API Key และข้อมูลส่วนตัวเข้าไปเก็บ ตอนที่เราต้องการเข้าถึงข้อมูล สามารถเขียนแอปพลิเคชันของแล้วใช้ Vault Agent หรือ Vault CLI ในการเข้าถึงได้  โดย Vault Agent จะเป็นไลบรารีที่สามารถติดตั้งบนแอปพลิเคชัน ส่วน Vault CLI เป็นคำสั่งที่สามารถจัดการ Vault Server ได้

ตัวอย่างใช้งาน Vault Server

  • เว็บแอปพลิเคชันสามารถใช้ Vault Agent เพื่อเข้าถึงข้อมูลลับจาก Vault Server และใช้ข้อมูลลับนั้นในการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล บริการ หรือ API ต่างๆ 
  • ใช้งานร่วมกับเครื่องมือ CI/CD เช่น Jenkins และ GitLab สามารถใช้ Vault Agent เพื่อเข้าถึงข้อมูลลับจาก Vault Server ได้เหมือนกัน
  • แถมยังสามารถใช้กับระบบจัดการการเข้าถึง (IAM) เช่น Active Directory และ Okta เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อีกด้วย

สรุป HSM, PAM และ HashiCorp Vault Server ต่างกันยังไง?

ท้ัง HSM, PAM และ HashiCorp Vault Server ต่างเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูล  แต่ HSM เน้นไปที่การปกป้อง ข้อมูลลับ โดยตรง เหมาะสำหรับข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเงิน ข้อมูลธุรกิจ ฯลฯ ส่วน PAM เน้นไปที่การควบคุมการเข้าถึง บัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษ (Privileged Accounts) เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการป้องกันการโจมตีแบบ Privilege Escalation และสุดท้าย HashiCorp Vault Server เป็นแพลตฟอร์มการจัดการความลับ (Secrets Management) ที่ช่วยให้จัดเก็บ จัดการ และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลลับต่างๆ โดยความพิเศษของ  Vault Server คือเราไม่จำเป็นต้องซื้อฮาร์แวร์เพิ่มสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่แล้ว ติดตั้งซอร์ฟแวร์ที่ฟรีเวอร์ชั่น Open Source หรือใช้งานแบบเต็มที่จาก Vault Enterprise และบริการบนคลาวด์ระดับโลกอย่าง AWS และ Azure ได้

หากองค์กรของคุณต้องการใช้งาน HashiCorp Vault Enterprise Version เพื่อปกป้องข้อมูลที่เป็น Secrets อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลลับอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด สามารถติดต่อ Cloud HM เพื่อออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์กับองค์กรของคุณ โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Secrets Management

— Cloud HM