รู้จัก Services ที่ช่วยทำให้การย้ายขึ้น AWS เป็นเรื่องง่าย!

175
175

Credit: SurveyGuy

สวัสดีครับอีกครั้ง หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสบายกันดีนะครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็อยากจะให้รักษาสุขภาพกันให้ดี ๆ ด้วย แล้วก็ถ้าใครว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ก็มาอ่านบทความของ Cloud HM กันได้นะครับ ได้ทั้งสาระและความสนุก อ่านเพลินกันจนลืมเวลากันเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ในบทความนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Service ต่าง ๆ ของ AWS ที่จะช่วยให้เรานั้นสามารถทำการย้ายข้อมูลไปยัง AWS ได้อย่าง่าย ๆ เลยครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลย !!!

บริการย้ายข้อมูลไปยัง AWS Cloud

การย้ายข้อมูลหรือระบบของเราจากผู้ให้บริการเจ้าอื่น ๆ หรือจาก Server หลักของเราไปยัง AWS นั้นสามารถทำได้ไม่ยากเลยครับ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับบริการการถ่ายโอนข้อมูลเพื่อจัดหาโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับขนาดหรือประเภทของธุรกิจของเราสำหรับการย้ายข้อมูลต่าง ๆ โดยมีประเภทของการเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญในการย้ายข้อมูล โดยทาง AWS มีข้อเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของเรา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์แบบไฮบริด การถ่ายโอนข้อมูลออนไลน์ และถ่ายโอนข้อมูลออฟไลน์

เรามาดูรายละเอียดในแต่ละหัวข้อกันครับ

พื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์แบบไฮบริด

สำหรับพื้นที่การให้บริการนั้น ลูกค้าจำนวนมากต้องการใช้ประโยชน์ของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ในขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่าส่วนใหญ่นั้นในธุรกิจต่าง ๆ ก็มักจะมีแอปพลิเคชันที่ทำงานในองค์กรซึ่งต้องการการเข้าถึงข้อมูลที่มีเวลาแฝงต่ำ (Low latency) หรือต้องการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วไปยังระบบคลาวด์ โดยสถาปัตยกรรมหรือ architecture ของพื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์แบบไฮบริดของ AWS จะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันและระบบในองค์กรของเราเข้ากับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระในการจัดการ และยังทำให้เราออกแบบ Innovation หรือนวัตกรรมในแบบที่เราต้องการได้อีกด้วย

Credit: vsoftconsulting

การถ่ายโอนข้อมูลแบบออนไลน์

สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบบออนไลน์สามารถแบ่งตามประเภทของ service ได้ดังนี้

1. AWS DataSync

AWS DataSync เป็นบริการถ่ายโอนข้อมูลที่ทำให้เราย้ายข้อมูลระหว่างพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในองค์กรและ Amazon S3, Amazon Elastic File System (Amazon EFS) หรือ Amazon FSx for Windows File Server ได้โดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ไม่กี่คลิกเท่านั้น (พูดแล้วจะหาว่า overclaim เกินไป แต่ว่าผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ในการย้าย platform มาก่อน บอกได้เลยว่าง่ายจริง ๆ) 

DataSync จะจัดการงานของเราที่มีปริมาณเยอะ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งมันอาจจะมีโอกาสที่บางข้อมูลนั้นอาจชะลอการย้ายข้อมูลหรือเป็นภาระในการดำเนินงานในระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลของเรา รวมถึงการใช้งานอินสแตนซ์ (EC2 service) ของเราเอง การจัดการการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยหรือ encryption รวมไปถึงการจัดการสคริปต์ (scripting) การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถใช้ DataSync เพื่อถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่าเครื่องมือแบบโอเพนซอร์สถึง 10 เท่า (เครื่องมือประเภทนี้คือเปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี แต่ประสิทธิภาพก็แล้วแต่ว่าใช้เจ้าไหน) ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าใช้ของ AWS เองจะดีกว่าครับ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ DataSync เพื่อคัดลอกข้อมูลผ่าน AWS Direct Connect หรือลิงก์อินเทอร์เน็ตไปยัง AWS สำหรับการย้ายข้อมูลแบบครั้งเดียว โดยมี Workflow หรือขั้นตอนการดำเนินงานการประมวลผลข้อมูลที่เกิดซ้ำ และการจำลองแบบอัตโนมัติสำหรับการปกป้องและกู้คืนข้อมูล

2. AWS Transfer Family

AWS Transfer Family ช่วยให้เราสามารถจัดการการย้ายข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบสำหรับการถ่ายโอนไฟล์เข้าและออกจาก Amazon S3 ได้โดยตรง โดยมีการรองรับมาตรฐาน Secure File Transfer Protocol (SFTP), File Transfer Protocol over SSL (FTPS) และ File Transfer Protocol (FTP) แล้ว AWS Transfer Family จะช่วยให้เราย้าย Workflow การถ่ายโอนไฟล์ไปยัง AWS โดยการรวมกับระบบตรวจสอบที่มีอยู่ และให้เส้นทาง DNS ด้วย Amazon Route 53 ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ สำหรับลูกค้าและคู่ค้าของเราได้เลย เมื่อข้อมูลของเราอยู่ใน Amazon S3 แล้ว ต่อจากนั้นเราจะสามารถใช้ข้อมูลกับบริการของ AWS เพื่อการประมวลผล การวิเคราะห์ การทำ Machine Learning และการเก็บไฟล์ถาวรได้ โดยการใช้ AWS Transfer Family สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องซื้อหรือจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใดและการตั้งค่าเริ่มต้นทาง AWS ก็ดำเนินการมาให้เราเรียบแล้วครับ ทำให้เราไม่ต้องมาเสียเวลาในการเรียนรู้ตั้งแต่ต้นนั่นเอง

3. Amazon S3 Transfer Acceleration

Amazon S3 Transfer Acceleration เป็นบริการที่ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตแบบสาธารณะ (Public Network) ไปยัง Amazon S3 ได้รวดเร็วขึ้น โดยที่บริการนี้จะให้เราเพิ่มขีดจำกัดความสามารถในการเพิ่มแบนด์วิธสูงสุดของเราได้โดยต้องไม่คำนึงถึงระยะทางหรือสภาพอินเทอร์เน็ต ณ ขณะนั้น นั่นหมายความว่า สมมติว่าเราส่งข้อมูลระหว่างสองตำแหน่งที่ไกลกันมาก ๆ เราก็สามารถทำได้อย่างไม่มีติดขัด ซึ่งบริการประเภทนี้เหมาะสำหรับงานที่ดำเนินการแบบต่อเนื่องโดยมีการเชื่อมโยงกันระหว่าง Server หลาย ๆ ตัวทั่วโลก เช่น การอัปโหลดสื่อหรือข้อมูล การสำรองข้อมูล และการประมวลผลข้อมูลบนเครื่องที่มักจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพื้นที่ส่วนกลางหรือเครือข่ายแม่นั่นเอง

การถ่ายโอนข้อมูลแบบออฟไลน์

คราวนี้เราลองมาดูเทคโนโลยีเจ๋ง ๆ ของ AWS สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบบออฟไลน์กันบ้างครับ นั่นก็คือ Snowcone!

AWS Snowcone

Snowcone เป็นอุปกรณ์พกพาที่มีความปลอดภัยสูงในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลที่เป็นแบบ Edge (อ่านบทความเรื่อง Edge computing ของ Cloud HM ได้ครับ) และโยกย้ายข้อมูลเข้าและออกจาก AWS

Credit: njkhanh

AWS Snowcone คืออุปกรณ์ขนาดเล็กที่สุดของตระกูล AWS Snow ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประมวลผล Edge และถ่ายโอนข้อมูลที่เราสามารถพกพาไปไหนมาไหนก็ได้ ทนทาน และปลอดภัย โดยเราสามารถใช้ Snowcone ในการรวบรวม ประมวลผล และย้ายข้อมูลไปยัง AWS แบบออนไลน์ได้ด้วย AWS DataSync ตามที่ได้อธิบายไปในด้านบน การเรียกใช้แอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมที่ขาดการเชื่อมต่อ เช่น ทหารที่ต้องเข้าไปอยู่กลางภูเขาในการทำสงครามโดยที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ ซึ่งสามารถใช้ Edge Location ที่มีการเชื่อมต่อนั้นอาจเป็นเรื่องยากในการเชื่อมต่อ ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยตัวศูนย์ข้อมูล AWS Snowcone นั้นจะถูกจัดเก็บข้อมูลไว้อย่างปลอดภัยใน Edge Location และสามารถเรียกใช้ปริมาณงานหรือข้อมูลในระดับที่เยอะมาก ๆ ในการประมวลผล Edge ที่ใช้อินสแตนซ์ AWS IoT Greengrass หรือ Amazon EC2 instance ได้ อุปกรณ์ Snowcone นั้นมีขนาดเล็กและหนักเพียงแค่ประมาณ 4.5 ปอนด์ (2.1 กก.) เท่านั้น โดยเราสามารถพกไว้ในกระเป๋าสะพายหรือใส่ลงในพื้นที่แคบ ๆ สำหรับกรณีใช้งานของ IoT, ยานพาหนะ หรือแม้กระทั่งโดรนได้ ว้าวเลยทีเดียว

Credit: softwebsolution

ความท้าทายทั่วไปในการย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์

สำหรับความท้าทายในการย้ายข้อมูลนั้นจริง ๆ แล้วก็คือความน่ากังวลใจในการย้ายข้อมูลมักเกิดขึ้นกับโปรเจกต์ส่วนใหญ่ โดยเราต้องการที่จะย้ายข้อมูลจากตำแหน่งเดิมไปยังระบบคลาวด์ใหม่โดยมีการหยุดชะงักหรือติดขัดให้น้อยที่สุด ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด และใช้เวลาน้อยที่สุด แล้วถ้าเราต้องการย้ายข้อมูลขนาด GB, TB หรือ PB เราจะทำได้ยังไง เราลองมาคำนวณกันดูเล่น ๆ ครับ

โดยเรามีโจทย์ปัญหาพื้นฐานทั่วไป นั่นคือ สามารถย้ายข้อมูลได้เท่าไหร่ ย้ายได้ไกลแค่ไหน และรวดเร็วขนาดไหน โดยสำหรับกรณีที่ดีที่สุดนั้นเราคำนวณได้แบบนี้ 

จำนวนวัน = (ไบต์รวม)/(เมกาบิตต่อวินาที * 125 * 1,000 * ระดับการใช้เครือข่าย * 60 วินาที * 60 นาที * 24 ชั่วโมง)

โดยสูตรด้านบนสามารถอธิบายได้ดังนี้ ตัวอย่างเช่น สมมติเรามีการเชื่อมต่อ T1 (1.544 Mbps) และมีข้อมูลขนาด 1 TB (ซึ่งเทียบเท่ากับ 1,024 * 1,024 * 1,024 * 1,024 ไบต์) ที่จะย้ายเข้าหรือออกจาก AWS ดังนั้น เวลาขั้นต่ำที่สุดทางทฤษฎีในการโหลดผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ระดับการใช้เครือข่าย 80% (เราจะไม่เคลมว่าใช้ได้ 100% นะ) จะเท่ากับ 82 วันนั่นเอง

เครื่องมือย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ที่ไม่ได้รับการจัดการ

สำหรับ tools ที่จะมาช่วยเราในการออกคำสั่งย้ายข้อมูลไปยัง AWS มีเครื่องมือดังนี้คือสคริปต์หรือ CLI ง่าย ๆ เพื่อย้ายข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปยังพื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์ของ AWS (CLI = command-line interface เป็นการสั่งคำสั่งผ่าน Terminal) 

  1. rsync : สำหรับคนที่ใช้ Linux บ่อย ๆ ก็น่าจะรู้จักกับ rsync ดี ซึ่งเป็นเครื่องมือแบบโอเพนซอร์สที่ร่วมกับเครื่องมือระบบไฟล์ในการคัดลอกข้อมูลไปยังบัคเก็ต S3 โดยตรงได้เลย
  2. S3 CLI: ลูกค้าของ AWS สามารถใช้ Amazon S3 CLI ในการเขียนคำสั่งเพื่อย้ายข้อมูลไปยังบัคเก็ต S3 ได้โดยตรง
  3. S3 Glacier CLI : ลูกค้าสามารถใช้ Amazon S3 Glacier CLI ในการย้ายข้อมูลไปยังชุดเก็บข้อมูล S3 Glacier ได้โดยตรงเช่นเดียวกันกับ S3

สำหรับคลาสรูมที่มีการเปิดสอนการย้ายข้อมูลไปยัง AWS สามารถเข้าไปเรียนได้ตามละเอียดดังต่อไปนี้ครับ 🙂 https://aws.amazon.com/training/classroom/migrating-to-aws/

อ่านมาจนถึงจุดนี้แล้วถ้าหากผู้อ่านมีความสนใจในบริการของ AWS โดยเฉพาะถ้าอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับการย้ายระบบของบริษัทหรือธุรกิจจาก on-premise (physical server) หรือจากผู้ให้บริการเจ้าอื่น ไปยัง AWS ก็สามารถติดต่อ Cloud HM ได้โดยตรงเลยครับ เพราะเรามีการให้บริการ Cloud Platform ครบวงจร ทั้ง Domestic Cloud และ Global Cloud เพื่อตอบสนองความต้องการรอบด้านของลูกค้าครับ

— Cloud HM