VMware Gem Fire มีประโยชน์อย่างไร นำไปใช้ในองค์กรได้ยังไง?

หนึ่งในเครื่องมือสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นเครื่องมืออย่าง VMware GemFire ซึ่งในเชิงการใช้งาน หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า VMware GemFire คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อการนำมาพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึงจะสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจได้อย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว 

VMware GemFire คืออะไร?

ก่อนจะไปรู้กันว่า VMware GemFire มีประโยชน์ในด้านใดบ้าง เราควรมาทำความรู้จักเครื่องมือตัวนี้ให้มากขึ้นกันก่อน ว่ามีรูปแบบการทำงานอย่างไร 

VMware GemFire เป็นแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลแบบกระจายข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชันที่เน้นการให้ข้อมูล สามารถเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์และสม่ำเสมอมากขึ้น โดยที่ VMware GemFire จะมีโซลูชัน Distributed In-Memory Database ที่เข้ามาช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปฯ นั้น ๆ มีข้อมูลพร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงช่วยจัดการกับความท้าทายในการบริหารจัดการข้อมูลและจำนวนผู้ใช้ที่มีจำนวนมาก จึงส่งผลดีต่อการทำงานด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) การวิเคราะห์ข้อมูล การค้าปลีก บริการทางการเงิน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  

อย่างที่บอกไปว่า การทำงานของ VMware GemFire จะช่วยให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบ Real-Time จึงทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจและพัฒนาธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้ผู้พัฒนามั่นใจว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน จะสามารถให้บริการได้อย่างสม่ำเสมอ ลื่นไหล แม้มีผู้ใช้งานจำนวนมากก็ตาม 

ข้อดีของแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล VMware GemFire

Structured Query Language (SQL) เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล

ทำงานได้รวดเร็ว เพื่อการเข้าถึงระบบที่สม่ำเสมอ ไม่สะดุด

การที่ VMware GemFire สามารถจัดการกับข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีระบบความจำแบบ In-Memory พร้อมรูปแบบการกระจายข้อมูลไปยังโหนด (Nodes) หลาย ๆ โหนด ยังจะช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำงานได้ไวและไร้ปัญหาระบบล่ม เพราะหากมีโหนดใดที่ล้มเหลว ก็ยังมีอีกหลายโหนดที่สามารถทำงานทดแทนกันได้อย่างไร้รอยต่อ

Cashing ข้อมูลสำหรับแอปฯ บน Cloud ได้อย่างรวดเร็ว ได้ข้อมูลใหม่แบบเรียลไทม์

VMware GemFire ถูกออกแบบมาให้สามารถทำการ Cashing ข้อมูลสำหรับแอปฯ บนระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบจัดการข้อมูลอื่น ๆ ทำให้ผู้ที่สร้างเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ สามารถดึงข้อมูลที่สดใหม่และเรียลไทม์ที่สุดมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 

มีความยืดหยุ่นสูง ปรับขนาดเพื่อรองรับการทำงานได้ทุกรูปแบบ

สำหรับธุรกิจที่มีการเติบโตอยู่ตลอดเวลา การเลือกใช้ระบบจัดการข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเครื่องมืออย่าง VMware GemFire ก็สามารถรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน 

ใช้งานร่วมกับระบบ Could ได้ดี

VMware GemFire สามารถนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบคลาวด์ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นระบบจัดการข้อมูลแบบ Cloud Readiness ทำให้คุณได้ High-Performance Application Cache ที่สามารถใช้งานผ่านผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น VMware Tanzu Platform, Red Hat OpenShift หรือ ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อื่น ๆ 

ใช้งานร่วมกับ RabbitMQ ได้

RabbitMQ เป็นระบบการจัดการคิวข้อมูลแบบข้อความ (Message Queue) ซึ่งใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชัน โดยคุณสามารถส่งข้อมูลไปยัง RabbitMQ จากนั้นระบบของ RabbitMQ จะเก็บข้อมูลในคิวให้คุณ ทำให้แอปพลิเคชันต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลออกมาจากคิวได้เมื่อต้องการใช้งาน 

ดังนั้น หากนำ VMware GemFire มาใช้งานร่วมกับ RabbitMQ ก็จะช่วยให้การประสานงานระหว่างการจัดการข้อมูลและการส่งข้อมูลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • เมื่อข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงใน VMware GemFire (เช่น ข้อมูลในแคชถูกอัปเดต) คุณสามารถใช้ RabbitMQ เพื่อส่งข้อมูลที่ถูกเปลี่ยนแปลง ไปยังแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้
  • แอปพลิเคชันที่ใช้ VMware GemFire สามารถส่งข้อความไปยัง RabbitMQ เพื่อขอข้อมูล หรือเรียกใช้บริการอื่น ๆ จากแหล่งข้อมูลภายนอกได้

การใช้งาน VMware GemFire ร่วมกับ RabbitMQ จึงเป็นการผสมผสานเครื่องมือทั้งสองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลในระบบของคุณ ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับความต้องการมากขึ้น 

นอกจาก 5 ข้อดีหลัก ๆ ที่กล่าวมานี้ VMware GemFire ยังมีคุณลักษณะในการจัดการข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ และเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การมี API หลายตัวที่จะเข้ามาช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีระบบ Support ตลอด 24 ชั่วโมงที่จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก VMware GemFire ได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ สถานการณ์

ตัวอย่างการนำ VMware GemFire ไปใช้ประโยชน์

เมื่อได้รู้แล้วว่า VMware GemFire มีข้อดีและจุดเด่นอย่างไร เราลองมาดูตัวอย่างการนำ VMware GemFire ไปใช้ประโยชน์กันบ้าง 

  1. VMware GemFire เป็นระบบจัดการข้อมูลที่เหมาะสำหรับการ Caching หน้า Webpage ซึ่งมีข้อมูลเข้ามาจำนวนมาก จึงเหมาะกับการนำไปใช้กับทุกอุตสาหกรรม 
  1. ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ VMware GemFire ในการจัดการข้อมูล Shopping Cart, Preferences และ History จากการใช้งานเว็บไซต์ของลูกค้า และจากระบบได้เป็นจำนวนมาก เพราะมีความยืดหยุ่นสูง โดยสามารถปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
  1. เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ต้องจัดการกับการประมวลผลทางธุรกรรมจำนวนมาก ๆ แบบ Real-Time สามารถใช้ประโยชน์จากความไวและความสามารถในการจัดการกับข้อมูลจำนวนมากของ VMware GemFire ได้
  1. VMware GemFire มีประโยชน์มากสำหรับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ต้องการข้อมูล Cache ที่ใหม่เสมอ เพราะมีการทำ Data Modernization ด้วยการเก็บข้อมูล Cache แบบ Inline Cache หรือ Cache Aside เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใหม่กว่าตลอดเวลา
  1. VMware GemFire สามารถใช้ในการประมวลผลสำหรับ Event Processing เมื่อมีข้อมูลเข้ามาในระบบจำนวนมากได้ โดยระบบนี้จะสามารถประมวลผลได้แบบเรียลไทม์เมื่อมีข้อมูลเข้ามาในระบบ และสามารถปฏิบัติการตอบรับได้ทันที

ทำไมต้องใช้บริการ VMware GemFire จาก Cloud HM ?

หากคุณสนใจใช้บริการระบบ VMware GemFire ในไทย การมีพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในระบบ Cloud และเครื่องมือของ VMware เป็นผู้ช่วยจัดการ เพื่อให้สามารถใช้งานในระบบ VMware GemFire ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริการจาก CloudHM คือคำตอบ เพราะเราเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ VMware ที่จะช่วยให้คุณใช้ระบบได้อย่างครอบคลุมและตอบโจทย์กับธุรกิจมากที่สุด

นอกจากนี้ บริการ VMware GemFire จาก CloudHM ยังจะให้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ระบบ VMware ที่จะคิดค่าใช้จ่ายตามจริงเมื่อใช้บริการบน Cloud Platform ในรูปแบบ IaaS อีกทั้งเราจะช่วยดูแล ปรับปรุง และ Backup ระบบให้คุณทั้งหมด ที่สำคัญเราสามารถรองรับระบบขององค์กรที่มีความซับซ้อนของโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ เราพร้อมดูแลและช่วยขับเคลื่อนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้

— Cloud HM