AWS มี Certificate อะไรบ้าง ต้องรู้อะไรก่อนไปสอบ?

           สวัสดีครับ ชาวแก๊งค์ IT สำหรับเนื้อหาของ Blog นี้จะเป็นการแนะนำ Certifications ของ AWS ที่ชาว IT สามารถเลือกสอบตามความถนัดของตัวเองได้ครับ หลังจากจบการอธิบายหัวข้อแต่ละแบบของ Certification ผมจะยกตัวอย่าง Certification ที่ผมได้รับมาว่ามีต้องมีความรู้เรื่องอะไรบ้างก่อนที่จะสอบนะครับ
โอเค เอาล่ะครับ เรามาเข้าเนื้อหาของเรากันเลยดีกว่าครับ
 
AWS Certification มีการแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
 
  • Foundational เป็นประเภท Certification พื้นฐานที่เหมาะกับผู้เคยใช้งาน AWS มาเป็นระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป มี Certification ให้สอบอยู่ 1 ตัว ชื่อว่า Cloud Practitioner เป็น Certification พื้นฐานที่ผู้สอบผ่านสามารถอธิบายได้ว่า AWS Cloud ทำอะไรได้บ้าง
  • Associate เป็นประเภทของ Certification ที่เพิ่มระดับขึ้นมาจากพื้นฐาน เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา (Solving) หรือการสร้างระบบ (Implementing) โดยใช้ AWS Cloud แนะนำว่าควรมีประสบการณ์ในการใช้ AWS Cloud มาอย่างน้อย 1 ปี มี Certification ให้สอบอยู่ 3 ตัว ได้แก่
      • Solutions Architect – Associate เป็น Certification ที่เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ในการแนะนำการวางระบบให้รากฐานมั่นคง, ปลอดภัย และยืดหยุ่นทุกสถานการณ์ โดยอ้างอิงจาก Best Practice และงบประมาณที่มีในการสร้างระบบ
      • SysOps Administrator – Associate เป็น Certification ที่เหมาะกับผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของ Operations ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง, การจัดการ โดยคำนึงเรื่อง Cost, การทำ HA และ Fault-tolerant บน AWS รวมไปถึงการ Migrate จาก On-premises ขึ้นไปยัง AWS อีกด้วย
      • Developer – Associate เป็น Certification ที่เหมาะผู้ที่มีความสามารถในการ Develop, Deploy และ Debug โดยใช้ Tool ของ AWS ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพื้นฐานในเรื่องของ AWS Core Service ด้วย
  • Professional เป็นประเภทของ Certification ที่เหมาะกับผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการออกแบบ, การบริหารงาน รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาภายใน AWS Cloud ควรมีประสบการณ์ในการใช้งาน AWS มาอย่างน้อย 2 ปี มี Certification ให้สอบอยู่ 2 ตัว ได้แก่
      • Solutions Architect – Professional เป็น Certification ที่วัดว่าต้องสามารถออกแบบและสร้าง Application ที่สามารถ Scale ได้ มี HA รวมไปถึงการรองรับ Fault-tolerant โดยเลือก AWS Services ที่เหมาะสมมาใช้งาน ให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า, สามารถ Migrate Application ที่มีความซับซ้อนของ AWS ได้ และมีการควบคุม Cost ให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มี
      • DevOps Engineer – Professional เป็น Certification ที่เหมาะกับผู้ที่สามารถสร้างและจัดการกับระบบที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นระบบ Monitor, log และอื่น ๆ โดยคำนึงถึงเรื่องของ Security, สามารถสร้างระบบที่มี HA, สามารถ Scale ได้ และกู้คืนระบบอัตโมนัติหากเกิดความเสียหาย
  • Specialty เป็นประเภทของ Certification พิเศษเฉพาะทางเหมาะกับผู้ที่มีความรู้ด้าน Service พื้นฐานของ AWS อยู่แล้ว แต่มีความเชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ เป็นพิเศษ ควรมีประสบการณ์ด้านนั้น ๆ ประมาณ 5-6 ปี มี Certification ประเภทนี้ให้เลือกสอบอยู่ทั้งหมด 6 ตัว ได้แก่
      • Advanced Networking – Specialty เป็น Certification ที่สามารถออกแบบและดูแลโครงสร้าง Network ของระบบที่ใช้บริการของ AWS ได้ และยังสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำ Automate task ที่เกี่ยวข้องกับ Network ใน AWS
      • Security – Specialty เป็น Certification ที่วัดความเข้าใจในเรื่องของ Data Protection, การ Encrypt Data, การป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ การอุดช่องโหว่ที่อาจะจะเกิดขึ้นได้กับระบบใน AWS
      • Machine Learning – Specialty เป็น Certification ที่บอกถึงความสามารถในการเลือกใช้งาน/ดูแล/ปรับปรุง Machine Learning ให้เหมาะสมกับงานนั้น ๆ โดยการใช้ Service ของ AWS
      • Alexa Skill Builder – Specialty เป็น Certification ที่ต้องมีความเข้าใจเรื่อง Alexa ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Voice เรื่องของ UX และ Skill โดย Design ทั้งหมดตามความเหมาะสมของแต่ละการใช้งาน
      • Data Analytics – Specialty เป็น Certification ที่ต้องสามารถอธิบาย Service Data Analytics ของ AWS ได้ แล้วสามารถนำไป Integrate กับอะไรได้บ้าง
      • Database – Specialty เป็น Certification ที่ต้องมีความเข้าใจรวมไปถึงความแตกต่างของ Feature แต่ละแบบของ Database Services รวมไปถึงสามารถวิเคราะห์และทำตามความต้องการของลูกค้าโดย Design Database Solution ให้เหมาะสมตาม Workload หรือลักษณะการใช้งาน

รายละเอียดคร่าว ๆ จะประมาณนี้นะครับ หากสนใจอ่านเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ https://aws.amazon.com/certification/?nc2=sb_ce_co

ป.ล. Certification ของ AWS ไม่บังคับว่าจะต้องสอบไล่จากระดับ Foundation > Associate > Professional หรือ Specialty ถ้าคิดว่ามีความรู้เพียงพอสามารถเลือกระดับที่ต้องการได้เลยครับ
 
สำหรับการยกตัวอย่างรายละเอียดของ Certification ขอเป็น Certification ที่ผมพึ่งได้รับมาละกันนะครับ นั่นก็คือ Solution Architect – Associate
 
 
 
ผู้ที่มี Certification นี้มีความสามารถอย่างไร? ทำอะไรได้บ้าง?
           ผู้ที่สอบผ่านจะมีความรู้ในเรื่องของการออกแบบ Infrastructure โดยใช้ AWS Services โดยที่คำนึงถึงในเรื่อง Security และ Performance ในการใช้งานระบบ รวมไปถึงออกแบบ Solution ให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าโดยอ้างอิงจาก Best Practices ครับ
 
ความรู้และประสบการณ์ที่ควรมีก่อนที่จะสอบ
    • มีประสบการณ์ในการใช้งาน Compute, Networking, Storage และ Database Services ของ AWS
    • มีประสบการณ์ในการ Deploy AWS Services
    • สามารถแนะนำข้อมูลเชิงเทคนิคของ AWS แต่ละ Service ได้
    • สามารถแนะนำได้ว่า AWS Service ไหนที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้า
    • เข้าใจหลักการพื้นฐานของ Architecture บน AWS Cloud
    • เข้าใจโครงสร้างและหลักการทำงานของ AWS Global Infrastructure
    • เข้าใจเรื่องของ Networking ของ AWS
    • เข้าใจการเลือกใช้เครื่องมือ และ Feature ที่เกี่ยวกับเรื่องของ Security ของแต่ละ AWS Services
    • มีความรู้ในเรื่องของ Best Practice ของแต่ละ AWS Services ที่ช่วยให้สามารถสร้าง Application ที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ว่าจะไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
เตรียมตัวสอบอย่างไร?
           AWS มีคอร์สให้เรียนได้ฟรีที่ Web Platform ชื่อว่า AWS Training หรือสามารถหาเรียนได้ตามแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ต่าง ๆ เช่น YouTube, Udemy, Coursera และอื่น ๆ ส่วนเรื่องเทคนิคอาจจะต้องมีการฝึกทำ Lab ให้คุ้นชินเครื่องมือต่าง ๆ บ้างครับ Lab ที่แนะนำ ได้แก่ Qwiklabs และ github.com/awslabs และอื่น ๆ ครับ
 
ข้อสอบเป็นอย่างไร สอบที่ไหน ระยะเวลา ราคา?
          ข้อสอบเป็นแบบ Choices มีทั้งที่ต้องตอบข้อเดียว และตอบหลายข้อสามารถสอบได้ที่ศูนย์สอบที่เปิดรับ และสามารถสอบทางออนไลน์ได้
ระยะเวลาในการสอบ 130 นาที ถ้าไม่เชี่ยวชาญเรื่องภาษา สามารถทำเรื่องขอเพิ่มได้อีก 30 นาที รวมเป็น 160 นาที ราคา 150 USD ภาษาของข้อสอบที่รองรับ ได้แก่ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนกลาง
 
เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับ Blog นี้ก็จะเป็น Overview ของ AWS Certification หลาย ๆ ท่านที่ใช้งาน AWS อยู่ การที่ได้รับ Certification ก็การันตีได้ว่ามีความรู้ และความสามารถอยู่ในระดับที่ AWS ยอมรับแล้วล่ะครับ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และความน่าเชื่อถือในการนำงานไปเสนอลูกค้าอีกด้วยครับ แต่ก็อยู่ที่ความต้องการของแต่ละท่านนะครับ ว่ามีความจำเป็นมากแค่ไหน หวังว่า ฺBlog นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุก ๆ ท่านนะครับ ขอบคุณครับ
 
หากสนใจบริการ AWS Local Billing สามารถติดต่อ Cloud HM ได้ผ่านช่องทางนี้นะครับ
 
— Cloud HM