หลายองค์กรอาจจะเคยพบเจอปัญหาการดูแลระบบ SAP ERP ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนั้นช่างซับซ้อนและน่าปวดหัวเหลือเกิน เพราะว่าระบบ SAP เป็นแกนหลักที่คอยขับเคลื่อนทุกกระบวนการที่สำคัญ ตั้งแต่การจัดซื้อ, การขาย, การวางแผนการผลิต, บัญชีการเงิน, ไปจนถึงการจัดการซัพพลายเชนและบุคลากร ยิ่งระบบ SAP มีบทบาทสำคัญมากเท่าไหร่ การรักษาเสถียรภาพ, ความปลอดภัย และประสิทธิภาพก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการต้องเฝ้าระวังระบบตลอดเวลา, การอัปเกรด, การจัดการเรื่องข้อกำหนดทางกฎหมาย (Compliance) และมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวด ปัญหาเหล่านี้จะยิ่งทวีคูณเมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้การจัดการระบบ SAP ERP กลายเป็นงานที่หนักยิ่งขึ้น
ด้วยภาระงานที่ต้องจัดการระบบ SAP เพิ่มยิ่งขึ้น ก็อาจจะสร้างความกังวัลให้กับหลายองค์กร แต่ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปเพราะ AWS มีตัวช่วยที่จะทำให้การจัดการระบบ SAP ง่ายขึ้น ด้วยชุดบริการที่ออกแบบมาเพื่อจัดการความท้าทายเหล่านี้โดยเฉพาะ นั่นคือ AWS Managed Services (AMS) และ AWS Incident Detection and Response (IDR)
ในบทความนี้จะมาเจาะลึกว่าบริการของ AWS เหล่านี้จะเข้ามาช่วยยกระดับการจัดการระบบ SAP ได้อย่างไร โดยครอบคลุม 5 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ การติดตามและจัดการเหตุการณ์ (Monitoring and Incident Management), การแพตช์ (Patching), การสำรองข้อมูล (Backup), การปรับปรุงค่าใช้จ่าย (Cost Optimization), และความปลอดภัย (Security)
การบริหารจัดการระบบ (Monitoring and incident management)
บางครั้งการดูแลระบบ SAP ERP นั้นซับซ้อนให้จำลองภาพเหมือนการขับเครื่องบินที่มีแผงหน้าปัดเยอะแยะเต็มไปหมด การเฝ้าระวังระบบตลอดเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและผู้ใช้งานได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
เพราะด้วยขนาดของระบบ SAP แล้ว แม้แต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจส่งผลกระทบที่ทำให้เกิด High Impact ต่อการดำเนินงานของธุรกิจได้ การติดตามระบบเชิงรุกจึงช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบมีเสถียรภาพ, เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, ลดความล่าช้า และช่วยให้ทีม IT มีเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น
แต่การดูแลระบบ SAP ก็มาพร้อมกับความท้าทายหลัก 2 ประการ:
- มองเห็นไม่ทั่วถึง: เป็นเรื่องยากที่จะได้ภาพรวมที่ครอบคลุมของสภาพแวดล้อม SAP ERP ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลกระจายอยู่บนหลายแพลตฟอร์ม
- จัดการเหตุการณ์ที่ซับซ้อน: การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินในระบบที่มีขนาดใหญ่และกระจายตัวต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการประสานงานที่สูง ซึ่งอาจทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า
https://aws.amazon.com/blogs/awsforsap/tag/monitoring/
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ AWS จึงนำเสนอโซลูชันแบบองค์รวมที่ผสานการทำงานของหลายบริการเข้าด้วยกัน ทั้ง Amazon CloudWatch, AWS Managed Services (AMS), AWS Managed Services Operations on Demand (OOD) และ AWS Incident Detection and Response (IDR) บริการเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อมอบโซลูชันการติดตามและจัดการเหตุการณ์แบบครบวงจร ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอปพลิเคชันทำให้ไม่ต้องปวดหัวกับการดูแลระบบ SAP ที่ซับซ้อนอีกต่อไป
เฝ้าระวังโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure monitoring with AMS)
https://docs.aws.amazon.com/managedservices/latest/userguide/what-is-ams.html
ถ้าจะเปรียบเทียบ AMS (AWS Managed Services) ก็คงเหมือนกับทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่คอยดูแลโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดให้องค์กรตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณลองนึกภาพว่า AMS คือด่านหน้าด่านแรกที่ปกป้องระบบ SAP โดย AMS จะคอยจัดการ, ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระดับโครงสร้างพื้นฐานของ AWS อย่างละเอียด
AMS จะดูแล Infrastructure Health ของระบบ SAP ผ่านกิจกรรมเหล่านี้:
- เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด: AMS (AWS Managed Services) จะคอยตรวจสอบบริการหลักของ AWS ทั้งหมดที่ระบบ SAP ของคุณใช้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล (Amazon EC2), ฐานข้อมูล (Amazon RDS) หรือระบบจัดเก็บไฟล์ (Amazon EFS) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนทำงานได้อย่างสมบูรณ์
- แก้ไขปัญหาอัตโนมัติ: หากเกิดปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ AWS เช่น ระบบเกิดช้าลง, ประสิทธิภาพลดลง หรือเกิดความล้มเหลว AMS (AWS Managed Services) จะตอบสนองและแก้ไขโดยอัตโนมัติทันที
- วิเคราะห์หาสาเหตุ: ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแต่ AMS (AWS Managed Services) ยังจะสืบสวนหาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
- เยียวยาอย่างรวดเร็ว: เมื่อตรวจพบปัญหา AMS (AWS Managed Services) จะจัดการแก้ไขทันที เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของคุณจะหยุดทำงานน้อยที่สุดและยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำงานของ AMS (AWS Managed Services) คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงและปลอดภัยให้กับระบบ SAP โดยใช้ CloudWatch alarms เพื่อแจ้งเตือนสุขภาพและประสิทธิภาพของบริการ AWS ต่างๆ ตาม Best Practice สำหรับ SAP (SAP Lens) ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบ SAP ขององค์กรจะปลอดภัย
ยกระดับประสิทธิภาพระบบ SAP ด้วย OOD
หากจะเปรียบ AMS (AWS Managed Services) ที่ดูแลโครงสร้างพื้นฐานเป็นด่านแรกแล้ว AMS OOD (Operations on Demand) ก็คือผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เข้ามาเติมเต็มการป้องกันในชั้นที่สอง
ระบบ SAP High Availability (HA) ถูกออกแบบมาเพื่อรับประกันว่ากระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญจะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเชื่อถือได้ตลอดเวลา แต่การเฝ้าระวังระบบ HA นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทาง
AMS OOD จึงเข้ามาตอบโจทย์ส่วนนี้ด้วยการเฝ้าระวัง SAP cluster อย่างใกล้ชิด โดยมีหน้าที่หลักคือ:
- ตรวจสอบเชิงรุก: คอยตรวจสอบสถานะของทรัพยากรและโหนดในคลัสเตอร์ SAP อยู่เสมอ
- แจ้งเตือนทันที: ส่งสัญญาณเตือนเมื่อทรัพยากรหรือโหนดในคลัสเตอร์ไม่พร้อมใช้งาน
- วิเคราะห์ปัญหาเชิงลึก: เข้าไปตรวจสอบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ SAP โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของ Pacemakers ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการบริหารคลัสเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหยุดชะงัก
- แก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ: จัดการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานของ SAP เช่น การสลับโหนด (failover) หรือการตั้งค่าคลัสเตอร์ที่ไม่ถูกต้อง เพื่อให้สภาพแวดล้อม SAP ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พูดง่ายๆ คือ AMS OOD ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กับความต้องการเฉพาะของระบบ SAP ทำให้ระบบมีการปกป้องที่สำคัญและครอบคลุมยิ่งขึ้น
มอนิเตอร์เชิงลึกระดับแอปพลิเคชัน (Application-level Monitoring) ด้วย IDR
https://docs.aws.amazon.com/IDR/latest/userguide/incidents-idr.html
การจะรักษาความปลอดภัย, ความพร้อมใช้งาน, และประสิทธิภาพของระบบ SAP ให้สูงอยู่เสมอ จะไม่สามารถ monitor แค่ที่ตัวเครื่องได้ แต่ต้องเข้าใจสุขภาพของแอปพลิเคชันอย่างครบถ้วน เปรียบเหมือนการมองแผงหน้าปัดรถยนต์ที่บอกข้อมูลทุกอย่างอย่างละเอียด และข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เองที่ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
https://aws.amazon.com/blogs/mt/get-visibility-into-application-health-with-amazon-cloudwatch-application-insights-for-net-and-sql-server/
Amazon CloudWatch Application Insights (CWAI) เข้ามาช่วยให้การตรวจสอบสุขภาพของ SAP เป็นเรื่องง่ายดายราวกับการมองแผงหน้าปัดที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว (single pane of glass) โดยสามารถตรวจสอบ Workload SAP ที่สำคัญได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน SAP NetWeaver, ฐานข้อมูล SAP HANA หรือ AnyDB รวมถึงข้อมูลจาก Amazon EC2, Amazon EBS, Amazon EFS, ความปลอดภัย, ประสิทธิภาพ และเมตริกจากคลัสเตอร์ Pacemaker
และเพื่อเสริมประสิทธิภาพการติดตามที่เหนือกว่า AMS และ OOD เราขอแนะนำให้ใช้บริการ IDR (AWS Incident Detection and Response) ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ โดย IDR จะคอยเฝ้าระวังสัญญาณที่สำคัญของแอปพลิเคชัน SAP ERP ในเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงที่ระบบจะล้มเหลวและเร่งกระบวนการกู้คืนให้รวดเร็วที่สุด
- ติดตามประสิทธิภาพแอปพลิเคชัน: เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่รันอยู่บนระบบ SAP จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ตรวจจับเหตุการณ์ในระดับแอปพลิเคชัน: สามารถตรวจจับปัญหาที่ AMS หรือ OOD อาจมองไม่เห็น เช่น ประสิทธิภาพที่ลดลง, ข้อผิดพลาด หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น
- ตอบสนองต่อการแจ้งเตือน: จัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ตามผลกระทบและความเร่งด่วน
- แก้ไขปัญหา: ประสานงานกับทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานจริง
พูดง่ายๆ ก็คือ IDR (AWS Incident Detection and Response) เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ไม่ได้ครอบคลุมโดยการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้คุณมีโซลูชันการจัดการเหตุการณ์แบบครบวงจร ตั้งแต่รากฐานไปจนถึงประสิทธิภาพในระดับแอปพลิเคชันเลยทีเดียวครับ
รวมศูนย์ข้อมูลเพื่อการจัดการที่รวดเร็ว (Integration for a holistic incident management solution)
จาก Solutions ที่หลากหลายของ AWS จะเห็นได้ว่าองค์กรมีโอกาสที่จะยกระดับการบริหารจัดการระบบ SAP ด้วยการสร้าง ‘แพลตฟอร์ม’ ที่สามารถควบคุมและมองเห็นทุกกระบวนการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อบริการ AMS, OOD และ IDR ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โซลูชันที่เกิดขึ้นก็คือระบบติดตามและจัดการเหตุการณ์แบบไร้รอยต่อ (seamless) ที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งหมด ตั้งแต่ทรัพยากรพื้นฐานของ AWS, ไปจนถึงระบบ SAP HA, ฐานข้อมูล HANA หรือ AnyDB และแอปพลิเคชันที่ใช้ SAP NetWeaver ABAP
โซลูชันแบบครบวงจรนี้ช่วยยกระดับการเฝ้าระวังและการติดตามระบบ SAP ของคุณให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น โดยมี AMS เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของทีม Engineer ขององค์กรด้วยการติดตามและจัดการเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
ท้ายที่สุดแล้ว วิธีการแบบบูรณาการนี้จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถรักษาความพร้อมใช้งานในระดับสูง (high availability), ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด และความเสถียรของระบบที่สำคัญได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดช่วงเวลาที่ระบบหยุดทำงาน (Downtime) ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการสภาพแวดล้อมไอทีในเชิงรุกและลดความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัปเดตระบบ SAP แบบไร้รอยต่อ (SAP cluster aware patching)
หากพูดถึงการอัปเดตแพตช์ระบบ SAP ที่สำคัญก็เหมือนกับการซ่อมเครื่องบินในขณะที่มันยังบินอยู่นั่นแหละครับ เวลาต้องอัปเดตจะทำอย่างไรให้เครื่องยังทำงานต่อไปได้โดยไม่มีสะดุด? AMS (AWS Managed Services) มีเครื่องมืออัตโนมัติที่เข้ามาช่วยจัดการกระบวนการแพตช์ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้การดำเนินงานของธุรกิจหยุดชะงักน้อยที่สุด พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบให้สูงสุด
หัวใจสำคัญของกระบวนการนี้คือการใช้ “cluster-aware functionality” ที่มาพร้อมกับการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยจะจัดการการเปิด-ปิดแอปพลิเคชัน SAP และฐานข้อมูล HANA อย่างเป็นระบบ ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดจะมีโหนดหนึ่งในคลัสเตอร์ที่ยังคงทำงานอยู่ ในขณะที่โหนดอื่นๆ กำลังถูกแพตช์ ทำให้ระบบยังคงพร้อมใช้งานและลด Downtime ของแอปพลิเคชันให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องทำงานตลอดเวลาอย่าง SAP on AWS
กระบวนการแพตช์อัตโนมัติแบบ Cluster-aware นี้เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบสถานะของคลัสเตอร์ หากระบบอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ก็จะเริ่มจาก:
- ปิดการทำงานโหนดสำรอง (Secondary Node) เพื่อทำการแพตช์
- เมื่ออัปเดตแพตช์เสร็จสิ้น ก็จะเปิดใช้งานโหนดสำรองอีกครั้ง
- หลังจากนั้น ระบบจะทำกระบวนการเดิมกับโหนดหลัก (Primary Node) ซึ่งในระหว่างนี้จะมีการ Failover เพื่อถ่ายโอนการทำงานทั้งหมดไปที่โหนดสำรอง เพื่อให้ระบบ SAP พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่โหนดหลักกำลังถูกแพตช์
นอกจากนี้ AWS ยังมี Systems Manager documents สำหรับการหยุดและเริ่มการทำงานของระบบ SAP ซึ่งสามารถนำมาใช้งานร่วมกับระบบแพตช์อัตโนมัติของ AMS ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย.
ลองนึกภาพการอัปเดตระบบสำคัญโดยไม่ต้องกลัวระบบล่ม! นั่นคือสิ่งที่องค์กรจะได้รับจาก AMS ที่ช่วยให้การแพตช์ระบบแบบ Cluster-aware ขององค์กรเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย โดยจะมีข้อดีหลักๆเลยก็คือ
- ลดความเสี่ยง Downtime อย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเครื่องมืออัตโนมัติอย่าง AWS Systems Manager กระบวนการแพตช์จะรวดเร็วขึ้นอย่างมาก และโอกาสเกิดความผิดพลาดจาก Human Errors ก็ลดลงจนแทบจะเป็นศูนย์ การทำงานอัตโนมัตินี้ ผสานกับความเชี่ยวชาญของทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจได้ว่าการแพตช์จะเสร็จสิ้นอย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
หากเกิดความล้มเหลวระหว่างการแพตช์ AMS จะเข้ามาสืบสวนหาสาเหตุของปัญหาและแนะนำแนวทางแก้ไขให้ทันที
- เสริมความปลอดภัยและ Compliance ที่แข็งแกร่ง
การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของระบบ SAP ให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ AMS จะทำให้มั่นใจว่าระบบจะได้รับการอัปเดตแพตช์อย่างทันท่วงที เพื่อปกป้องระบบจากช่องโหว่ที่ถูกค้นพบ และทำให้การทำงานทั้งหมดเป็นไปตามข้อกำหนดต่างๆ
สร้างความต่อเนื่องให้ธุรกิจ (Continuity management)
หากเปรียบข้อมูลของธุรกิจเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่า AMS ก็คือระบบรักษาความปลอดภัยที่จะช่วยปกป้องขุมทรัพย์นั้นอย่างมั่นคงผ่าน AWS Backup ซึ่งเป็นโซลูชันแบบรวมศูนย์ที่ออกแบบมาเพื่อรับประกันความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity) และป้องกันการสูญหายของข้อมูล โดย AWS Backup สามารถสำรองข้อมูลทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น EC2 instances, EFS, Amazon FSx, RDS และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานข้อมูล SAP HANA
ด้วยการทำงานที่ผสานเข้ากับ AWS Backint Agent ได้อย่างราบรื่น ทำให้ AWS Backup สามารถสำรองและกู้คืนฐานข้อมูล SAP HANA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ AMS ยังคอยตรวจสอบสถานะของการสำรองข้อมูลของฐานข้อมูล SAP HANA อยู่ตลอดเวลา หากพบความล้มเหลวก็จะรีบแก้ไขปัญหาให้ทันที เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะปลอดภัยและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ซึ่ง AMS ยังสามารถช่วยตั้งค่าและติดตั้ง AWS Backint Agent เพื่อสำรองและกู้คืนฐานข้อมูล SAP HANA ไปยัง Amazon S3 หรือ AWS Backup ได้อีกด้วย ทำให้คุณหมดกังวลเรื่องการปกป้องข้อมูลสำคัญ
ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ: เปลี่ยนค่าใช้จ่ายให้เป็นการลงทุน (Cost optimization)
ในช่วงเวลาที่องค์กรต่างๆ กำลังปรับปรุงระบบ SAP ให้ทันสมัยมากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพด้านค่าใช้จ่ายถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกๆ เพราะเมื่อคุณสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของ SAP workload ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็จะสามารถนำทรัพยากรที่มีค่ากลับไปใช้เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อีกครั้ง ซึ่ง AMS Operations จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้
AMS Operations จะเลือกใช้ Best Practice ในการการปรับปรุงค่าใช้จ่ายของ SAP on AWS เพื่อให้คำแนะนำและการดำเนินการที่แม่นยำ กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบสถาปัตยกรรม SAP บน AWS ของคุณอย่างครอบคลุม และวิเคราะห์ข้อมูลค่าใช้จ่ายจาก AWS Cost Explorer สำหรับบัญชีทั้งหมดที่รัน SAP workload เพื่อนำมาสรุปเป็นคำแนะนำที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละองค์กร
ตัวอย่างการปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น:
- EC2 right-sizing: ปรับขนาด EC2 instance ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริง
- AWS Savings Plans: วางแผนการใช้งานเพื่อรับส่วนลดค่าใช้จ่าย
- AMS Resource Scheduler: ตั้งเวลาปิด-เปิด Workload ที่ไม่สำคัญโดยอัตโนมัติ ให้ใช้งานเฉพาะเมื่อจำเป็น
- การย้าย Instance ไปยังรุ่นใหม่: อัปเกรดไปใช้ EC2 instance และ EBS volume รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและคุ้มค่ากว่า
- Rearchitecting: ปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของ Workload ตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ AWS Well-Architected Tool เพื่อทำ SAP Lens reviews ได้ด้วยตัวเอง เพื่อค้นหาความเสี่ยงและโอกาสในการปรับปรุงค่าใช้จ่าย จากนั้นจึงแชร์รายงานดังกล่าวให้กับ AMS เพื่อนำไปพิจารณาและดำเนินการต่อ
การทำงานร่วมกับ AMS จึงเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรของคุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ และเร่งการเดินทางสู่การปรับปรุงระบบ SAP ให้ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว
การปกป้องระบบและข้อมูลอย่างครบวงจร (Security)
เมื่อต้องนำระบบ SAP ที่เป็นหัวใจของธุรกิจไปรันบนคลาวด์ ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ต้องคำนึงถึง เพราะนั่นหมายถึงการปกป้องข้อมูลสำคัญทั้งหมดขององค์กร ซึ่งต้องอาศัยการวางแผน, การนำไปใช้, และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง AMS (AWS Managed Services) เข้ามาช่วยให้องค์กรอุ่นใจกับเรื่องนี้ได้ด้วยกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องสินทรัพย์ทั้งหมดและรับประกันความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐาน SAP ของคุณ
เปรียบเหมือนการมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยส่วนตัวที่คอยจัดการทุกอย่างให้:
- ปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างราบรื่น: AMS จะใช้ชุดเครื่องมืออย่าง AWS Config Rules เพื่อช่วยให้ระบบ SAP ในองค์กรเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และสามารถจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างอัตโนมัติ
- ตรวจจับภัยคุกคามแบบ 24/7: AMS ใช้ Amazon GuardDuty ในการเฝ้าระวังภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยตัว GuardDuty จะคอยตรวจสอบข้อมูลที่พบตลอด 24 ชั่วโมง
- ปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน: นอกจากนี้ AMS ยังรองรับการใช้งาน Amazon Macie เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลทางการเงิน
ด้วยแนวทางการป้องกันที่หลากหลายและครอบคลุมในหลายระดับนี้ AMS จะช่วยยกระดับความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน (operational excellence) ให้กับองค์กรที่รัน SAP บน AWS ทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ AMS จัดการความปลอดภัยของระบบ SAP ให้
หากองค์กรของคุณต้องการก้าวข้ามความท้าทายในการจัดการระบบ SAP เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล Cloud HM ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Multi-Cloud และเป็น Trusted Partner ของ AWS เข้าใจดีว่าการดูแลระบบ SAP ที่ซับซ้อนนั้นต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มากพอ
นั่นคือเหตุผลที่ Cloud HM พร้อมช่วยออกแบบและดูแลโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ เพื่อให้คุณก้าวข้ามความท้าทายในการจัดการระบบ SAP และสามารถมุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่
Resource:
https://docs.aws.amazon.com/IDR/latest/userguide/incidents-idr.html
https://aws.amazon.com/blogs/awsforsap/tag/monitoring/
https://docs.aws.amazon.com/managedservices/latest/userguide/what-is-ams.html