ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ณ งาน WWDC 2024 บริษัท Apple Inc. ซึ่งที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ให้กำเนิดอุปกรณ์มากมายที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติในหลายๆ วงการ โดยเฉพาะ iPhone สิ่งที่พลิกโฉมวงการโทรศัพท์มือถือไปตลอดกาล สร้างกระแสฮือฮาอีกครั้ง เมื่อพวกเขาประกาศเปิดตัว “Apple Intelligence” ระบบ AI อัจฉริยะส่วนบุคคลที่จะกลายมาเป็นหัวใจหลักของ iPhone, iPad และ Mac ในอนาคต วันนี้ พวกเรามาดูกันดีกว่าว่า Apple Intelligence คืออะไร? แล้วมันมีความพิเศษกว่า AI ของเจ้าอื่นๆ อย่างไร? ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่า!
Apple Intelligence คืออะไร?
Apple ได้ให้คำนิยามต่อระบบ AI ของพวกเขาไว้ว่าเป็น “ระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลที่นำเอาโมเดลเจเนอเรทีฟอันทรงพลังมาใช้เป็นหัวใจหลักของ iPhone, iPad และ Mac ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าทึ่งเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสาร, ทำงาน, และแสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการผสานรวมตัว Apple Intelligence ไว้ในแอปพลิเคชั่นของคุณโดยตรง”
สิ่งที่ทำให้ Apple Intelligence แตกต่างจาก AI Tool ตัวอื่นๆ ก็คือ:
- ความทรงพลัง: Generative AI ที่มาพร้อมกับความสามารถอันทรงพลังที่จะช่วยเหลือผู้ใช้งานในด้านต่างๆ ได้อย่างแท้จริง
- ผสานรวมเข้ากับระบบที่เป็นแกนหลัก: ด้วยการผสานรวมเข้ากับคอร์หลักของอุปกรณ์อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานมันได้อย่างราบรื่นและสะดวกสบายกว่าการใช้งาน AI Tool ตัวอื่นๆ
- AI ส่วนบุคคลอย่างแท้จริง: ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น (จากความสามารถในการผสานรวมกับแอปพลิเคชั่นในระดับแกนหลัก) ทำให้มันสามารถทำความเข้าใจบริบทและจัดการสิ่งต่างๆ ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- เน้นความเป็นส่วนตัว: Apple Intelligence ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีพื้นฐานในการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้การใช้งานนั้นจะถูกประมวลผลแบบ On-Device เป็นหลัก
ชุดคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ Apple Intelligence เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานได้ด้วยการดึงเอาบริบทการใช้งานต่างๆ มาจากอุปกรณ์และแอปในเครื่อง ช่วยให้มันสามารถประมวลผลและทำความเข้าใจผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถทำงานได้อย่าง “เต็มประสิทธิภาพ” และ “ครบวงจร” มากกว่าการใช้งาน AI Tool อื่นๆ
ฟีเจอร์หลักของ Apple Intelligence
Apple Intelligence นำเสนอคุณสมบัติที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้งานอุปกรณ์ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, Mac และ iPad ก็ตาม โดยจะมีฟีเจอร์ต่างๆ ดังต่อไปนี้:
ความสามารถในเชิงภาษา
- เครื่องมือช่วยเขียน: ช่วยผู้ใช้งานในการปรับสำนวนการเขียน, ตรวจสอบความถูกต้อง, หรือสรุปข้อความให้กับคุณได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นแอปของ Apple หรือแอปของบริษัทอื่นๆ ในเครื่องก็ตาม
- การจัดลำดับความสำคัญของข้อความ: เลือกแสดงอีเมลที่มีลำดับความสำคัญต่อกับผู้ใช้งานก่อน รวมถึง การสรุปเนื้อหาให้โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องเปิดเมลบ็อกซ์ขึ้นมาเลย
- การตอบกลับอย่างชาญฉลาด: เสนอแนะคำตอบสั้นๆ ง่ายๆ (แต่ครบถ้วนต่อทุกคำถาม) ให้กับผู้ใช้งานสามารถตอบกลับได้ภายในคลิกเดียว
- การจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน: เช่นเดียวกับการจัดลำดับความสำคัญของข้อความ AI จะสามารถเข้าใจและจัดลำดับความสำคัญให้กับการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์นั้นๆ ให้กับผู้ใช้งานได้ โดยจะนำการแจ้งเตือนเหล่านั้นมาแสดงไว้ที่ด้านบนสุด
- สรุปข้อความเสียง: ผู้ใช้งานจะสามารถบันทึกเสียง, ถอดเสียง, และสรุปเนื้อหาในเสียงการพูดคุยหรือการประชุมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย Apple Intelligence
- โหมดโฟกัสใหม่: แสดงการแจ้งเตือนเฉพาะที่ผู้ใช้งานจะต้องตอบกลับโดยทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานลดสิ่งรบกวนอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ความสามารถในเชิงรูปภาพ
- สร้างภาพอย่างง่ายดาย: Image Playground จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการเลือกหมวดหมู่ต่างๆ แล้วผสมผสานออกมาเป็นรูปภาพง่ายๆ ตามสไตล์ของผู้ใช้งาน
- คทาวิเศษ Image Wand: ผู้ใช้งาน iPad ที่มี Apple Pencil สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นไม้คทากายสิทธิ์ที่จะช่วยเปลี่ยนให้ภาพร่างคร่าวๆ ของคุณให้กลายเป็นรูปภาพที่สวยงามได้
- Genmoji: ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่งหรือสร้างอิโมจิใหม่ๆ ที่เหมาะกับทุกสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง
- ค้นหารูปภาพด้วยคำบรรยาย: แอป Photos จะใช้ Apple Intelligence เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนคุณสมบัติการค้นหาขั้นสูง ซึ่งจะช่วยให้คุณค้นหารูปภาพหรือวิดีโอภายในเครื่องได้ด้วยการป้อนคำค้นหา เช่น “พี่นพใส่เสื้อเชิ้ตถือเค้กวันเกิด” เป็นต้น
- ลบวัตถุจากรูปภาพและวิดีโอ: ด้วย Clean Up ผู้ใช้งานจะสามารถลบวัตถุไม่พึงประสงค์ออกจากรูปภาพและวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- สร้างความทรงจำด้วยรูปภาพ: เพียงแค่พิมพ์คำอธิบายเรื่องราวที่คุณต้องการ Apple Intelligence จะเลือกภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดตามคำอธิบาย แล้วนำมันมาสร้างเป็นวิดีโอความทรงจำใหม่ให้กับคุณ
Siri ในเวอร์ชั่นที่ใหม่และไฉไลกว่าเดิม
- ความเข้าใจภาษาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น: Siri ที่ผสานรวมกับ Apple Intelligence จะมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น, สามารถเข้าใจภาษาและบริบทได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น, และรู้ใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
- ผู้ช่วยที่เข้าใจคุณอย่างที่สุด: ด้วยการเข้าใจบริบทส่วนบุคคลของคุณได้อย่างลึกซึ้ง Siri จะสามารถดำเนินการสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น การสั่งให้ Siri “เปิดเพลงที่ลูกสาวของชั้นส่งมาให้เมื่อวันก่อน” เป็นต้น
- การรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ: ตอนนี้ Siri จะรู้ว่ามีอะไรอยู่บนหน้าจอของคุณ และสามารถให้ความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ได้ทันที เช่น หากเพื่อนส่งที่อยู่ใหม่มาให้เราในแอป iMessages เราก็สามารถสั่งให้ Siri เพิ่มข้อมูลดังกล่าวลงไปในข้อมูลรายชื่อของพวกเขาได้ทันที
- การจัดการสิ่งต่างๆ ข้ามแอป: ตอนนี้ Siri จะสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ข้ามแอปได้แล้ว เช่น ให้ Siri เพิ่มตำแหน่งใน Google Map ลงไปในแผนท่องเที่ยวของเรา ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก
- Siri ในรูปโฉมใหม่: เมื่อใช้งาน Siri จะสร้างอนิเมชั่นแสงเรืองแสงที่สวยงามเคลื่อนไหวไปรอบๆ มือถือของคุณ ช่วยเพิ่มลูกเล่นและสไตล์ให้กับอุปกรณ์ของคุณ
Private Cloud Compute สำหรับ Apple Intelligence
แม้ว่า Apple Intelligence จะเลือกใช้การประมวลผลแบบ On-Device ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในกรณีที่การใช้งานต้องการพลังในการประมวลผลมากขึ้น Apple ก็ยังมี Private Cloud Compute ที่ช่วยรองรับการประมวลผลแบบ On-Cloud ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ความพิเศษของ Private Cloud Compute ของ Apple ที่ต่างจาก AI Tool ตัวอื่นๆ ที่ประมวลผลแบบ On-Cloud อย่างสมบูรณ์ จะอยู่ที่การ “เลือก” ส่งข้อมูลเท่าที่จำเป็นกับการทำงาน โดยการส่งข้อมูลเข้ารหัสซึ่งจะสามารถถอดรหัสได้เฉพาะ Cloud Server ที่ใช้งานในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น เมื่อการทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ข้อมูลต่างๆ ก็จะหายไปและไม่มีการเก็บบันทึกเอาไว้แต่อย่างใด ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานยังคงมีความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดเช่นเดิม
ถ้าหากพูดถึงระบบคลาวด์ที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแล้ว พวกเรา Cloud HM ผู้ให้บริการ Cloud Services ซึ่งเป็น Partner กับบริการ Cloud Platform ชั้นนำระดับโลก อาทิเช่น Amazon Web Services, Microsoft Azure, Google Cloud Platform, Huawei Cloud และอื่นๆ อีกมากมาย ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำปรึกษา, วางแผน, ติดตั้ง, ดูแลระบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับองค์กรของคุณ รวมไปถึง การออก Local Billing ผ่านเรา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณในทุกๆ ขั้นตอน ติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง : https://www.cloudhm.co.th/contact
การผนึกกำลังร่วมกับ ChatGPT
นอกจากนี้ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความกังวลมากนักเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Apple Intelligence ยังมีการผสานรวมการทำงานของ AI ชื่อดังจาก OpenAI อย่าง ChatGPT อีกด้วย
ด้วยการผสานรวมนี้ ผู้ใช้งานจะเข้าถึงความสามารถของ ChatGPT-4o จากในแพลตฟอร์มของ Apple ได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบ 3rd Party อีกต่อไป ความสามารถหลักๆ ของมันก็คือการปรับปรุงความสามารถในการทำงานและช่วยให้ Siri มีขอบเขตในการทำงานกว้างมากยิ่งขึ้น เช่น หากคำขอของผู้ใช้งานต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษในบางอย่าง Siri จะขออนุญาตในการแชร์คำขอของคุณกับ ChatGPT เพื่อช่วยให้สามารถการจัดการกับคำขอของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อจำกัดของ Apple Intelligence
เอาล่ะ เราพูดถึงข้อดีต่างๆ ของ Apple Intelligence ไปมากพอแล้ว ต่อไป เรามาดูข้อจำกัดของมันกันบ้างดีกว่า!
- ระบบนิเวศแบบปิด: ถึงแม้ว่าความเป็นระบบปิดของ Apple จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง มันก็อาจจะเป็นการจำกัดการพัฒนาและการวิจัยในเชิงวิชาการได้ ทำให้ความสามารถในการพัฒนาตัวเองของมันอาจจะด้อยกว่า AI อื่นๆ ที่อยู่ในระบบเปิด
- ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่น้อยกว่า: ด้วยการมุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวของ Apple หมายความว่า โมเดล AI จะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้งานได้น้อยลง (เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ) ส่งผลให้ข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝน AI ก็จะลดน้อยลงด้วยเช่นกัน
สรุปส่งท้าย
ดูเหมือนว่า Apple พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้ามาสู้ในศึก AI อย่างเต็มตัว อีกทั้ง มันยังมาในรูปแบบที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาอย่างยิ่ง ซึ่งก็คือ การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะต้องติดตามกันต่อไป แล้วมาดูกันซิว่า เมื่อ Apple Intelligence เปิดให้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พวกเขาจะก่อให้เกิดการปฏิวัติวงการอีกครั้ง เหมือนกับที่พวกเขาทำได้กับ Mac / iPod / iPhone หรือไม่?
— Cloud HM