Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ถ้าแปลตรงตัวหลาย ๆ คนก็อาจจะสับสนได้ว่าเป็นการที่เราเอาเครื่องแม่ข่าย (server) ไปไว้บนก้อนเมฆหรือเปล่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ เพราะคำว่า Cloud ในวงการเทคโนโลยีนั้นเป็นแพียงแค่แนวคิดของการให้บริการในรูปแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทรัพยากร (resource) ผ่านระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย ซึ่ง Cloud ก็ไม่ได้มีการให้บริการแค่หน่วยประมวลผล (computing) เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบริการประเภทอื่นด้วย เช่น พื้นที่เก็บข้อมูล (storage) และระบบฐานข้อมูล (database)
สำหรับผู้ให้บริการ Cloud ที่มีชื่อเสียงและมีหลาย ๆ คนเลือกใช้บริการก็มีด้วยกันหลายเจ้า แต่จะมีประมาณ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ นั่นก็คือ Amazon Web Service (AWS) Google Cloud Computing (GCP) และ Microsoft Azure ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการให้บริการ Cloud ของ AWS ซึ่ง Cloud HM ก็เป็น partner ด้วยครับ
Amazon Web Service (AWS) เป็น spin off ของ Amazon ที่ได้มีการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2006 และได้เริ่มมีการเปิดให้นักพัฒนาได้เข้าไปใช้บริการในปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นมา ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ AWS ก็ได้มีการให้บริการ ปรับปรุงและนำเสนอผลิตภัณฑ์ (product) ทางด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เรื่อยมา ซึ่งผู้เขียนบอกได้เลยว่า AWS เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้กลไกธุรกิจของ Startup ยุคใหม่ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น AWS นั้นถือได้ว่ามีส่วนช่วยทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ไปจนถึงผู้ใช้งานในระดับรายบุคคล ด้วยบริการที่ครอบคลุมและมีความน่าเชื่อถือในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในการความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้ AWS เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของทุกองค์กรเสมอ
จุดเด่นของ AWS คือมีดังต่อไปนี้
- Agility ความสามารถที่โดดเด่น: AWS ช่วยให้เราเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเราสามารถ spin up โปรเจ็คของเราได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ tool ต่าง ๆ เช่น หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงด้วย Elastic Computing Cloud (EC2) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics), ปัญญาประดิษฐ์ (Machine learning) รวมไปถึงอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things)
- Elasticity ความยืดหยุ่น: อีกหนึ่งความสามารถของ AWS ก็คือ service แต่ละตัวได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับธุรกิจหรือปริมาณความต้องการของลูกค้าได้อย่างอิสระและยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก เช่น AWS EC2 ที่จะมีการปรับขนาด (scaling) ขึ้น/ลงได้ตามความต้องการ (demands) ณ ขนะนั้น ๆ ที่กำลังใช้งานอยู่ ซึ่งนำไปสู่การปรับลดต้นทุนที่สอดคล้องกับความต้องการอีกนำ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ technology ของเรามีประสิทธิภาพและด้วยงบประมาณที่แตะต้องได้
- Cost saving: ข้อดีของการเลือกใช้ AWS อีกประการหนึ่งก็คือประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่ง AWS ได้มีการแบ่งค่าใช้จ่ายไปตามบริการและพื้นที่ที่ให้บริการ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานที่อาศัยอยู่ในทวิปเอเชียสามารถที่จะเลือกใช้ zone ที่เป็นพื้นที่ที่ใกล้เคียง เช่น เลือก Singapore หรือ Tokyo โดยจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่ม stability ระหว่าง service อีกด้วย นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับแนวคิดของ AWS ที่ว่า “Pay as you go” หรือ “ใช้เท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น” สำหรับเทคนิคการ optimize cost สามารถรออ่านได้ในบทความต่อ ๆ ไปครับ
- Deploy globally in minutes: ถึงแม้ว่าเราจะใช้บริการ AWS ใน zone หนึ่ง ๆ แต่ว่า AWS ก็สามารถให้เราขยับขยาย application ของเราเพื่อไปยัง zone อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ติดขัด (seamless) ซึ่งในส่วนนี้สามารถทำให้เกิด collaboration หรือความร่วมมือระหว่างองค์กร startup หรือนักลงทุนพร้อม ๆ กันได้อย่างทั้วโลก โดยการดำเนินการทั้งหมดสามารถทำได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
ประเภทของ Cloud
Cloud computing สามารถแบ่งประเภทตามรูปแบบการให้บริการออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. Infrastructure as a Service (IaaS) – โครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบของการบริการ
ระบบ IaaS ประกอบไปด้วย building block หรือชิ้นส่วนหลักในการสร้าง product ใหม่ ๆ ด้วยระบบ Cloud IT ซึ่งโดยปกติแล้ว IaaS จะเป็นตัวที่ทำให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงระบบโครงข่าย คอมพิวเตอร์ พื้นที่เก็บข้อมูล
2. Platform as a Service (PaaS) – แพลตฟอร์มในรูปแบบของการบริการ
ระบบ PaaS เป็นระบบที่ช่วยให้คุณลดภาระงานที่จะต้องมาคอยกังวลกับการจัดการ infrastructure ขั้นพื้นฐาน เช่น ส่วนที่เป็นกายภาพของคอมพิวเตอร์ (Hardware) เช่น หน่วยประมวลผลกลาง (CPUs) หน่วยความจำ (Memory) รวมไปถึงระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) ซึ่งโดยปกติแล้วในแผนกไอทีตามบริษัทต่าง ๆ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลในส่วนนี้ ซึ่งระบบ PaaS ก็เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราและลดภาระงานของทีมในบริษัทอีกด้วย
3. Software as a Service (SaaS) – ซอฟต์แวร์ในรูปแบบของการบริการ
ระบบ SaaS คือชุดผลิตภัณฑ์ที่ถูกจัดการโดยผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพูดถึง SaaS ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานโดยผู้ใช้งานโดยตรง ตัวอย่างเช่น Web-based email ดังนั้นแล้วถ้าหากเราใช้ SaaS เราก็ไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับการดูแลรักษา (maintenance) ระบบของเราอีกต่อไป คิดแค่ว่าเราจะนำแอพพลิเคชันนั้นไปใช้งานต่ออย่างไรก็พอ
ทำความรู้จักกับ AWS Data Center กัน
แผนที่แสดงจุดที่ตั้งของ AWS Data Center ที่มีอยู่ทั่วโลกตามพื้นที่ต่าง ๆ
AWS ได้มีการสร้าง Data Center ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อให้บริการ service ได้อย่างครอบคลุม นั่นจึงทำให้การส่งข้อมูลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง AWS ตอนนี้นับได้ว่าเป็นผู้ให้บริการ Cloud Service ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ให้บริการมากถึง 81 zone ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์กว่า 25 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก และตอนนี้ทาง AWS ก็จะมีการประกาศออกมาอีกว่ามีแผนที่จะขยาย Data Center ไปอีกว่า 27 zone ใน 9 พื้นที่ ดังนี้ Australia, Canada, India, Indonesia, Israel, New Zealand, Spain, Switzerland, and United Arab Emirates (UAE) สำหรับประเทศไทยนั้น ผู้เขียนคิดว่าทาง AWS น่าจะมีแผนสร้าง Data Center เร็ว ๆ นี้ในอีกไม่กี่ปีแน่นอนครับ อดใจรอกันอีกนิดนะ
นอกจากนี้ ในทุก ๆ ปี ทาง AWS จะมีการจัดงาน AWS re:Invent ซึ่งเป็นงานประชุมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ AWS ในปีถัดไป รวมไปถึงแนวทางหรือข่าวสารใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งถ้าหากว่าใครสนใจติดตามข้อมูลข่าวสาร สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://reinvent.awsevents.com
ก่อนจะจบบทความนี้ ทางผู้เขียนมีเกร็ดความรู้เล็กน้อยที่น่าสนใจ (fun fact) เกี่ยวกับ AWS มาฝาก 5 ข้อครับ
- AWS ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของ Data Center ของตัวเอง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูลของลูกค้านั่นเอง
- บริษัทหรือองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลก เช่น Reddit Netflix NASA และ Expedia ต่างก็เป็นลูกค้าของ AWS
- มีผู้ใช้งานจากมากกว่า 190 ประเทศที่ใช้บริการของ AWS นั่นรวมไปถึงสถาบันการศึกษากว่า 5000 แห่ง องค์กรของรัฐบางกว่า 2000 แห่ง และมีองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอีกกว่า 17,500 องค์กร
- ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มูลค่าของ AWS โตมากขึ้นกว่า 28%
- ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 AWS ได้มีการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด
สนใจอ่าน Blog อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AWS คลิกเลย!
อ่านมาจนถึงจุดนี้แล้วถ้าหากผู้อ่านมีความสนใจในบริการของ AWS สามารถติดต่อ Cloud HM ได้โดยตรงที่นี่ เพราะเรามีการให้บริการ Cloud Platform ครบวงจร ทั้ง Domestic Cloud และ Global Cloud เพื่อตอบสนองความต้องการรอบด้านของลูกค้าครับ
— Cloud HM