10 เทรนด์ระบบคลาวด์ในปี 2024 ที่ทุกองค์กรควรรู้

อัปเดตเทรนด์ระบบคลาวด์ในปี 2024

ในปี 2024 ระบบการประมวลผลบนระบบคลาวด์ (Cloud Computing) จะเติบโตและก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะต่อการนำไปปรับใช้ในแพลตฟอร์มและการบริการใหม่ ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งหากผู้ประกอบการต้องการที่จะก้าวขานำคู่แข่ง ยิ่งต้องปรับตัวให้ทัน และคว้าโอกาสในการใช้เทคโนโลยีระบบคลาวด์ก่อนใคร เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง  

เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมรับกับเทคโนโลยีระบบคลาวด์ใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 เรามีเทรนด์ Cloud Computing มาอัปเดตให้ได้รู้กัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการนำ AI เข้ามาใช้ควบคู่ไปกับระบบคลาวด์ รวมถึงการพัฒนาระบบให้ทำงานได้แบบอัตโนมัติ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว จะมีเทรนด์ใดอีกบ้างที่น่าสนใจ ติดตามกันได้เลย

10 เทรนด์ระบบคลาวด์ (Cloud Computing) ในปี 2024

1. Continued Investment in Data

หากพูดถึงเรื่อง ข้อมูล หรือ Data  คงต้องบอกว่าในปี 2024 ยังมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจทุกประเภท ซึ่งในการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ก็ย่อมต้องอาศัยระบบคลาวด์ช่วยจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบและมีความปลอดภัยสูงสุด  

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อระบบคลาวด์ถูกนำไปใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลในหลาย ๆ ธุรกิจ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ข้อมูลมีความกระจัดกระจาย ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้สูงสุด ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จึงได้มีการพัฒนาและลงทุนเกี่ยวกับระบบจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนโมเดลที่ใช้ในการประมวลผลแบบดั้งเดิม คือ CPUs (Central Processing Unit) เป็น GPUs (Graphics Processing Unit) ซึ่งจะช่วยให้การประมวลผลมีความรวดเร็วและมีความคล่องตัวมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่มีภาพกราฟิกและมีความละเอียดสูง ซึ่งการพัฒนาระบบให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปต่อยอดกับธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบได้มากยิ่งขึ้น

  2. Better AI/ML

อีกหนึ่งเทรนด์ที่ต้องพูดถึงก็คือ เทคโนโลยี AI/ML ที่ในปี 2024 จะถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น AWS (Amazon Web Services) ได้ลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยี AI/ML ให้สามารถนำไปบูรณาการและทำงานร่วมกับเครื่องมือใหม่ ๆ ของเหล่านักพัฒนาอย่าง AWS DeepLens ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึง GCP (Google Cloud Platform) ก็มีการลงทุนเพื่อพัฒนา AI/ML ให้สามารถใช้งานร่วมกับ Google Lens ด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นการพัฒนากล้องที่ใช้ตรวจหาสิ่งต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ Google จะนำ AI/ML มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มากขึ้นอีกด้วย 

นอกจากนี้ สำหรับนักพัฒนาแล้ว AI/ML ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเขียนโค้ดคำสั่ง โดยจะมี AI TRiSM ซึ่งเป็นโมเดลช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงของเทคโนโลยี AI/ML ที่มีความน่าเชื่อถือและป้องกันข้อผิดพลาด โดยโมเดลนี้ได้ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย Gartner Inc. เพื่อใช้รับมือกับการเติบโตของ AI ที่มีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการนำโมเดลนี้เข้ามาใช้งาน ยังจะมอบความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นด้วย 

3. Serverless Computing

เราอยู่ในยุคที่หลาย ๆ ธุรกิจเลือกที่จะปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกับการเติบโตของธุรกิจ นั่นทำให้ในปี 2024 การพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นจึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ต้องจับตา ซึ่งหนึ่งในรูปแบบบริการที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเว็บไซต์ก็คือระบบคลาวด์ เพราะมาพร้อมกับฟังก์ชันในการพัฒนาที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้มีการพัฒนาการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ (Serverless) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบที่เรียกว่า Function as a Service (FaaS) ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องจัดการกับเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป และสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการเขียนโค้ดและปรับใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายขนาดของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน อีกทั้งบริการเหล่านี้ ยังสามารถใช้บริการได้แบบจ่ายตามการใช้งาน จึงช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ สามารถควบคุมต้นทุนของตนเองได้ 

4. Edge Computing

Edge Computing เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการประมวลผลข้อมูล โดยจะเป็นการประมวลผลในตำแหน่งที่ใกล้จุดกำเนิดของข้อมูลมากที่สุด ทำให้ช่วยลดเวลาการในการส่งข้อมูล เพื่อให้ได้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานระบบคลาวด์มากยิ่งขึ้น

5. Multi and Hybrid Cloud Solutions

เทรนด์ต่อมาคือการเลือกใช้งานผู้ให้บริการระบบคลาวด์มากกว่าหนึ่งราย เพื่อเป็นการกระจายปริมาณงาน และหลีกเลี่ยงปัญหาการ Lock-in ของผู้ให้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของผู้ให้บริการคลาวด์แต่ละรายได้อย่างเต็มที่ เพื่อการจัดการข้อมูลหรือพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ผู้ให้บริการอย่าง Cloud HM ที่สามารถรับดำเนินการเกี่ยวกับ Multi Cloud ตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบ และติดตั้ง โดยทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญที่พร้อมให้การดูแลทั้งด้านระบบอัตโนมัติ การเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้องค์กรได้นำเวลาไปมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจหลักได้มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ การเลือกใช้บริการ Multi Cloud กับ Cloud HM ยังจะช่วยให้องค์กรหมดกังวลกับการพัฒนาบุคลากรให้สามารถใช้งานระบบคลาวด์ที่มีความซับซ้อน เพราะจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้การช่วยเหลือ รวมไปถึงยังมีบริการจัดการด้าน IT เพื่อให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพ เพื่อการก้าวไปสู่ความสำเร็จ และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

เทรนด์ Cloud Computing ที่องค์กรควรรู้

6. Cloud Security and Resilience

สำหรับผู้ประกอบการแล้ว ระบบคลาวด์ที่มีการเข้ารหัสในการจัดเก็บข้อมูล การยืนยันตัวตนของผู้เข้าใช้งาน รวมถึงการกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดความเสียหายหรือถูกคุกคาม นับเป็นฟังก์ชันสำคัญที่จำเป็นอย่างมากต่อความมั่นคงในการจะพัฒนาธุรกิจ ดังนั้น ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จึงได้พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชันเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการใช้งานของระบบคลาวด์

7.  Cloud Cost Optimization

ในทุก ๆ ธุรกิจ เรื่องของ ‘ต้นทุน’ มักเป็นสิ่งที่ต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จึงได้มีการพัฒนาเครื่องมือและบริการใหม่ ๆ ที่จะช่วยในการบริหารต้นทุนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น อย่างการใช้ FinOps (Cloud Financial Operations) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่จะช่วยให้องค์กร สามารถบริหารค่าใช้จ่ายการใช้งาน Cloud ได้ จึงช่วยบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว และลักษณะการใช้งาน ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ 

8. Disaster Recovery

อีกหนึ่งโซลูชันสำคัญที่บรรดาผู้ประกอบธุรกิจหรือองค์การต่าง ๆ กำลังต้องการจากระบบคลาวด์ คือโซลูชันการกู้คืน ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถกู้คืนระบบที่ต้องหยุดชะงัก และเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติ หรือการถูกโจรกรรม เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจ

9. Blockchain

เทรนด์ระบบ Cloud Computing ที่ต้องพูดถึงอีกหนึ่งเทรนด์ก็คือ Blockchain เพราะในปี 2024 ผู้ให้บริการระบบคลาวด์กำลังจะนำเสนอโซลูชัน Blockchain-as-a-Service ที่เปิดให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถสร้างและปรับใช้แอปพลิเคชันบล็อกเชนในระบบคลาวด์ได้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือบริการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

10. Cloud-Native Development

Cloud-Native Development เป็นแนวทางในการใช้ซอฟต์แวร์และกลไกการจัดการคอนเทนเนอร์อย่าง Kubernetes เพื่อนำมาใช้สร้างและจัดการแอปพลิเคชัน เพื่อตอบรับความต้องการขององค์กรยุคใหม่ อีกทั้งยังสามารถช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันและปรับขนาดให้เหมาะสมในแต่ละอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว มีความยืดหยุ่นสูง และคืนสภาพได้สูง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งให้แก่องค์กร    

ทั้งหมดนี้คือ เทรนด์ระบบคลาวด์ในปี 2024 ที่เราได้คัดสรรมาเพื่อแนะนำให้องค์กรต่าง ๆ รวมทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจที่ใช้งานระบบคลาวด์ได้รู้ และสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาผู้ให้บริการ Cloud ในประเทศไทย เลือก CloudHM ผู้ให้บริการ Multi Cloud ตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบ และติดตั้ง ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ พร้อมให้บริการคุณแล้ววันนี้ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ 02-119-7300

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. 7 Cloud Trends That Will Impact IT Industry In 2024. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 จาก https://hostnoc.com/7-cloud-trends-that-will-impact-it-industry-in-2024/#1-serverless-computing
  2. Gartner Identifies the Top 10 Strategic Technology Trends for 2024. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 จาก https://www.gartner.com/en/newsroom/press-releases/2023-10-16-gartner-identifies-the-top-10-strategic-technology-trends-for-2024
  3. 21 Cloud Computing Trends That Will Dominate in 2024!. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 จาก https://www.simplilearn.com/trends-in-cloud-computing-article