ในงานด้าน Software Development มีความซับซ้อนในหลาย ๆ มิติ หลายองค์กรต้องการที่จะพัฒนา Software ขึ้นมาเพื่อใช้ในการบริหารจัดการภายในต่าง ๆ หรือ Product ที่จะสามารถนำไป Support องค์กรอื่น ๆ
คิดดูว่าถ้า Organization เราใหญ่ขึ้น Products/Features เพิ่มขึ้น จำเป็นที่ต้องสร้าง Resources หลาย ๆ อย่าง เช่น Git repository, CI/CD Pipeline, Kubernetes Cluster, Databases, Cache, Load Balancer, etc. ยังรวมไปถึง ด้าน Security เช่น Secret Management, DDoS Protection, WAF, Permission, etc.
ดังนั้นกระบวนการสร้าง Resource เหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีความรวดเร็วในการสร้าง, ลด Overhead ในการ Maintenance, เพิ่ม Feature ใหม่ ๆ เข้ามาได้รวดเร็ว, รวมไปถึงต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งก็นำไปสู่การเลือก Toolchain ที่หลากหลายตามไปด้วย เช่น การเลือก CI Tools (Github Action, Gitlab CI, Circle CI, Jenkins), การเลือก CD Tools (Argocd, FluxCD) จนไปถึงการเลือก Cloud Provider ซึ่งอาจจะ ไปสู่ Multi / Hybrid Cloud
หลักการพิจารณาที่จะใช้งาน Multi / Hybrid Cloud
- Cost of Compute, Network, Storage, Operating System, Licenses, Database
สิ่งเหล่านี้มีผลต่อต้นทุนด้าน Operation อย่างมาก เพราะ Cloud Provider บางเจ้าก็จะมี Pricing Model ที่แตกต่างรวมไปถึง Service บางอย่างที่มีความ Unique ในด้านของ Governance, Performance และ Benefits
- Business Agility and Modernization
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การย้ายจากระบบเก่าไปใช้ระบบใหม่ (Legacy System) เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมาก ผู้ให้บริการคลาวด์แต่ละรายมีเครื่องมือและบริการที่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป การใช้บริการคลาวด์จากผู้ให้บริการเพียงรายเดียวอาจไม่เพียงพอในยุคที่ธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นโจทย์ใหม่สำหรับองค์กรสมัยใหม่ที่เลือกใช้บริการจากหลายผู้ให้บริการคลาวด์ (Multi-cloud Provider) เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้ดีที่สุด
- Privacy, Security and Compliance
ในบางอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่ต้องใช้ Cloud Provider ที่เฉพาะเจาะจง เช่น ข้อมูลลูกค้าต้องเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลภายในประเทศ หรือศูนย์ข้อมูลที่มีค่า Carbon Footprint อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- Visibility and Governance of Enterprise Assets
การจัดการจำเป็นต้องมีภาพรวมของทรัพยากรที่ใช้งานบนระบบคลาวด์ของแต่ละผู้ให้บริการ การจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management) จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประเมินต้นทุนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- Performance for Optimal Customer Experience
Cloud Provider บางเจ้าอาจจะไม่มี Region หรือ Edge Location ที่จะให้บริการในบาง Location ทำให้มีผลกระทบต่อเรื่อง Customer Experience
Tanzu จะมาช่วยอะไรบน Multi-Cloud Infrastructure?
Tanzu จะทำหน้าที่เป็น Platform ที่จะมาจัดการ Toolchain รวมไปถึงจัดการ Infrastructure แบบ Multi – Cloud ที่ based on Kubernetes ซึ่งใช้จัดการ Container ที่มีประสิทธิภาพ และได้การยอมรับอย่างขว้างขวาง สามารถโยกย้าย Application ไปมาระหว่าง On-prem / On-cloud ได้สะดวก
ที่นี้เรามาดูกันว่า Tanzu มี Features ที่น่าสนใจอะไรบ้างที่จะมาเสริมความสามารถ การจัดการ Kubernetes Cluster รวมไปถึง Application ต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก
- Application Catalog
การขึ้น Application ใหม่ จำเป็นที่จะต้องสร้าง Infrastructure ต่าง ๆ เช่น
- Git Repository ไว้สำหรับเก็บ Source Code และ เป็น Version Control
- CI/CD Pipeline ส่วนนี้จะเป็นกระบวนการ Automation โดยจะประกอบไปด้วยกระบวนการหลัก ๆ คือ Vulnerability Scan, Test, Build, Deploy Application ซึ่งจำเป็นมากในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการสร้าง Application
- Environments เป็นการสร้าง Infrastructure เพื่อจะนำ Application ขึ้นไป Run และใช้งาน ส่วนนี้จะประกอบไปด้วย Resource ต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น Compute Resource, Network, Storage, Backing Service ต่าง ๆ มากไปกว่านั้นยังต้องแบ่ง Production และ Non-production ออกจากกันอีกด้วย
นอกจากนั้น Application ยังมีภาษาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น java, go, js, c# รวมไปถึง Library ของแต่ละภาษา หรือจะเป็น Framework ต่าง ๆ ที่จะต้อง Pre-install ก่อนที่จะเริ่มทำการ Develop ซึ่งจะทำให้ Developer สามารถขึ้น Application ได้สะดวกมากขึ้น
จะเห็นว่ามีขั้นตอนที่มากมายกว่าจะได้ซัก Application ที่จะพร้อมให้ Developer สามารถที่จะเริ่มงานได้ทันที Portal ส่วนนี้จะมาช่วยลดความผิดพลาด, เวลา และจำนวนคนฝั่ง Operation เมื่อมี Developer Team ที่มากขึ้น
- Service Marketplace
ส่วนนี้จะเป็น Catalog ที่รวบรวม Trusted Partner ต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อที่จะสามารถใช้งาน Managed Service ได้เพียงไม่กี่ Click
เช่น ถ้าต้องการสร้าง Data Platform ภายในองค์กร โดยใช้ Managed Service เช่น MongoDB Atlas, Confluent Kafka, Portworx, etc. จะเห็นว่าเราสามารถจัดการ Partner Products เหล่านี้ได้บน Tanzu Platform ที่เดียว ทำให้สะดวกในการค้นหา และจัดการภาพรวมการใช้งาน Products เหล่านี้เพื่อประเมิน Cost และ Usage ที่เหมาะสม ลด Hidden Cost ที่อาจจะไม่ได้ถูกใช้งานหลังจาก POC
- Observability
Tanzu สามารถรวบรวมการมองเห็นแบบ Multi-Cloud ได้ ช่วยให้เห็นปริมาณการใช้งานและค่าใช้จ่ายบนระบบคลาวด์ทั้งหมดได้อย่างสะดวก มี User Interface ที่ใช้งานง่าย เพื่อให้ผู้บริหารสามารถดูภาพรวมได้ทันที
ในฝั่ง Operation, SRE ก็สามารถที่จะเห็น ความผิดปกติบน Network, Compute, Storage ได้เพื่อนำไปวิเคราะห์ และแก้ไขได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ทางฝั่ง Developer ก็สามารถดู Metric, Tracing และ Log ได้เช่นกัน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการ Debugging Application จะเห็นว่า Tanzu สามารถตอบโจทย์ด้าน Visibility ในทุก ๆ Department ในองค์กรที่มีการใช้งานระบบ IT ที่มีความซับซ้อน
- Built-in Security, End to End
Tanzu สามารถปรับปรุงท่าทีด้านความปลอดภัย (Security Posture) ได้โดยการผสานกับผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยจากผู้ให้บริการภายนอกและผู้ให้บริการคลาวด์ ข้อมูลเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยและการละเมิดนโยบายความปลอดภัยจะถูกแสดงในที่เดียวบน Tanzu ทำให้ค้นหาและประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วและสะดวก
Tanzu สามารถที่จะ Prioritize ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย โดยใช้ Security Score เพื่อให้รู้ว่า Violation ไหนควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ในบางกรณี เราจำเป็นต้องระงับการแจ้งเตือนที่มีลำดับความสำคัญต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อมูลล้นเกิน (Information Overload) การใช้ Multi-Cloud ในองค์กรช่วยให้มองเห็นความผิดปกติหรือความเสี่ยงได้ชัดเจนขึ้น และเพิ่มความตระหนักด้านความปลอดภัย (Security Awareness) โดยการลดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นออกไป
- Consistent Developer Experience
Tanzu จะให้ประสบการณ์การทำของ Developer มี Productivity ที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถสร้าง Resources ต่าง ๆ โดยสามารถใช้ IaC (Infrastructure as code) ซึ่งจะทำให้การสร้าง Resources ต่าง ๆ จะมีกระบวนการที่แน่นอน ลดความผิดพลาด
สำหรับ Code Schema ยังคงให้ User Experience ในรูปแบบเดียวกันกับการใช้งานบน Kubernetes ซึ่งเป็น Practice ตามแบบ Cloud Native ในปัจจุบัน
- Open-source Leadership and Enablement
การใช้โครงการ Open-source เป็นสิ่งสำคัญในองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้ Kubernetes ซึ่งมักต้องใช้ Helm Chart ของซอฟต์แวร์ Open-source จากที่เก็บภายนอก ทำให้การจัดการความเสี่ยงจากช่องโหว่ต่าง ๆ ทำได้ไม่ทันเวลา ทาง VMware จึงได้ให้บริการ Bitnami Application Catalog ซึ่งมีการบำรุงรักษาและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
การใช้ซอฟต์แวร์ Open Source จะมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ของ Tanzu นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ Tanzu ยังมีฟีเจอร์ดี ๆ อีกมากมายให้ใช้งาน
ในยุคปัจจุบัน การจัดการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อาจดูซับซ้อน การใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ Multi-Cloud จะช่วยลดทั้งต้นทุนและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภัยพิบัติ ปัญหาการบำรุงรักษาที่ซับซ้อน หรือปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของผู้ให้บริการคลาวด์ การใช้ Tanzu เพื่อช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชันจะช่วยให้ทีมธุรกิจ และนักพัฒนาทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร
หากองค์กรของคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์การใช้ Multi-Cloud Provider พร้อมคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญของ Cloud HM เราพร้อมให้บริการ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ตามข้อมูลด้านล่าง
Reference:
https://docs.vmware.com/en/VMware-Tanzu/index.html
https://tanzu.vmware.com/get-started
https://k8s.devstats.cncf.io/d/9/companies-table
— Cloud HM